โดย THANYA วัชรสิทธา
นิทานเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเข้าร่วมกิจกรรม Embracing the Internal Conflicts : โอบกอดความขัดแย้งภายในเพื่ออิสรภาพและการเติบโตทางจิตวิญญาณ กับ ณัฐฬส วังวิญญู และ สมพล ชัยสิริโรจน์ เมื่อวันที่ 2-4 ก.ย. 65
ในปราสาทแห่งหนึ่ง ณ ดินแดนของจิตใจอันลี้ลับ เจ้าหญิงและราชครูกำลังยืนเถียงกันอยู่หน้ากรงที่มีเจ้าเสือตัวน้อยหมอบหูลู่ดูทั้งสองทะเลาะกัน
เสือตัวนี้เป็นดั่งหัวใจของปราสาท ทุกๆคนล้วนรักและใส่ใจเลี้ยงดูมัน ไม่ว่าจะเป็นพระราชาผู้เด็ดขาด พระราชินีผู้สง่างาม พี่เลี้ยงผู้อ่อนโยน นักดนตรีผู้สร้างสรรค์ นักเล่าเรื่องผู้อมทุกข์ แม่ครัวผู้เอื้ออารีย์ หรือผู้ดูแลคลังจอมงก ต่างแวะเวียนมาช่วยกันเลี้ยงดูเจ้าเสือตัวน้อย เพื่อให้มันเติบโตได้อย่างดิบดี
เจ้าเสือมีความสุขที่ได้เป็นที่รัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้คนรอบๆตัวมันเริ่มทะเลาะกันเอง มันก็จะเสียใจและเหน็ดเหนื่อยที่ต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
เจ้าหญิงและราชครูอาศัยอยู่ในปราสาทนี้มาเนิ่นนาน ผู้คนในปราสาทมักจะเห็นสองคนนี้ทะเลาะต่อล้อต่อเถียงกันตลอดเวลา ทุกครั้งที่เจ้าหญิงปรากฏตัวขึ้น ราชครูก็จะโผล่ตามมาราวกับเงา และทั้งสองคนก็ไม่เคยที่จะลงรอยกัน สร้างความเหนื่อยหน่ายระอาใจให้แก่ผู้คนในปราสาท รวมไปถึงทั้งคู่ที่เป็นต้นเรื่องด้วย
“เลิกบ่นหยุมหยิมเสียที เราเบื่อจะฟังแล้ว” เจ้าหญิงยกแขนกอดอก เชิดหน้าใส่ราชครู
“ข้าก็รำคาญจะต้องตักเตือนเจ้าเหมือนกัน” ชายชราสวนกลับ
เช้าวันนี้เอง พระอาทิตย์ผู้ทำหน้าที่ส่องสว่างเดินทางผ่านมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปราสาท รู้สึกสนใจ จึงแวะเข้ามาทักทาย
“สวัสดีท่านทั้งสอง สวัสดีเจ้าเสือน้อย พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่” พระอาทิตย์ถามอย่างเป็นมิตรด้วยรอยยิ้ม
พอเจ้าหญิงเห็นพระอาทิตย์ เธอก็รีบหันไปกล่าว “เราคือเจ้าหญิงแห่งปราสาทหลังนี้ เราอยากปล่อยให้เจ้าเสือออกจากกรงมาเดินเล่นสนุกสนาน แต่ท่านราชครูไม่ยอม”
“ทำไมท่านถึงไม่ยอมเล่า” พระอาทิตย์หันไปถามราชครู
“เพราะหากเจ้าหญิงพาเสือไปเดินเล่น เธอจะต้องพาเสือไปกัดคนอื่นแน่ๆ ข้ายอมให้เกิดความเสียหายไม่ได้หรอก” ราชครูตอบอย่างหนักแน่น “เจ้าหญิงไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอจะไปทำร้ายใครรึเปล่า จะให้ปล่อยเสือออกจากกรงหรือ ไม่มีทางหรอก!”
เจ้าหญิงได้ยินคำพูดก็ยิ่งฉุนเฉียว “เราจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร! ถ้าท่านไม่ปล่อยให้เราพาเจ้าเสือไปวิ่งเล่น มันก็จะไม่มีอิสระน่ะสิ กรงแค่นี้อึดอัดจะตายไป จะอยู่ได้ยังไงกัน”
“อยู่ได้สิ ดีกว่าออกไปแล้วอาละวาด ทำร้ายคนอื่นจนอยู่กับใครไม่ได้ ข้าไม่อยากให้ใครมาเกลียดกลัวเจ้าเสือ” ราชครูส่ายหน้า
พระอาทิตย์ฟังมาถึงตรงนี้ก็เริ่มตั้งคำถามกลับ “ฟังดูแล้ว ท่านทั้งสองดูจะใส่ใจเจ้าเสือมากเลย”
“ใช่ ข้าอยากให้เจ้าเสืออยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างดี ไม่ไปทำร้ายใคร รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่โอ้อวด ไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น” ชายชราตอบ
“เราก็เช่นกัน” เจ้าหญิงหันไปพูดกับพระอาทิตย์ “เราจะบอกเสือเสมอว่าเธอพิเศษ เธอมีคุณค่า เธอแตกต่างจากผู้อื่น เราใส่มงกุฏให้เจ้าเสือรู้ตัวในความดีงามของตัวเอง”
“นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ดี” พระอาทิตย์อุทาน ยิ้มให้เจ้าเสือด้วยความยินดี
“แต่เรารำคาญท่านราชครูเหลือเกิน เวลาเราจะให้เจ้าเสือได้วิ่งให้เร็วที่สุด กระโจนให้ไกลที่สุด ท่านราชครูก็จะมาห้ามเราไว้เสมอ เรากลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าเสือจะลืมไปเสียว่าตัวเองมีอิสระที่จะทำอะไร” เจ้าหญิงบ่น กระทืบเท้าไม่พอใจ “ท่านราชครูไม่เคยวางใจปล่อยเราเลย เราไม่เคยคิดจะทำร้ายใครเลย ที่ผ่านมาเราได้รับแต่ความดีงาม อยู่ในปราสาทที่งดงาม เราจะไปทำร้ายคนอื่นเพื่ออะไร!”
“เจ้าหญิงเคยลืมตัวน่ะสิ” ราชครูมองด้วยความระอา “จำวันที่ข้าไม่อยู่แล้วเจ้าหญิงกับเจ้าเสือออกไปเที่ยวเล่นกันได้ไหม? ครั้งนั้นพวกเจ้าทำร้ายคนไปทั่ว เผลอไปข่วน เผลอไปกัดคนรอบข้าง จากนั้นก็ไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่งกับเจ้าเสืออีกเลย เจ้าเสือเสียใจมากในตอนนั้น ข้าจึงต้องดูแลไม่ให้เผลอไปทำเช่นนี้อีก”
“แต่ตอนนั้นเรายังเด็ก เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว” เจ้าหญิงมองตาราชครูตรงๆ “เราเพียงอยากให้เสือได้เป็นอิสระและรับรู้คุณค่าของตัวเอง เพื่อที่จะได้จริงใจต่อผู้อื่น”
ทั้งคู่เงียบไป นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย หลังผ่านการทะเลาะกันมานานแสนนาน
เจ้าเสือค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ เมื่อสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดี มันก็ล้มตัวนอนอย่างสบายใจ
“ดีเหลือเกินนะ” พระอาทิตย์ยิ้มกับเสือ “ทั้งสองอยากให้เจ้ารักตัวเองและเป็นที่รัก ดีจริงๆที่มีสองคนนี้เลี้ยงดูเจ้าอยู่”
เสือยิ้มตอบพระอาทิตย์ เผื่อแผ่รอยยิ้มให้กับเจ้าหญิงและราชครู
เจ้าหญิงกับราชครูยิ้มตอบ และหันมายิ้มให้กันเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นมา เจ้าหญิงก็ได้ปล่อยให้เจ้าเสือออกมาจากกรง ผู้คนในปราสาทก็จะเห็นภาพเธอพาเจ้าเสือวิ่งเล่น โดยมีราชครูเดินตามอยู่ไม่ไกล แต่ทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกันอีกแล้ว
ราชครูเคารพในความคิดของเจ้าหญิง ยอมให้เจ้าหญิงพาเสือวิ่งกระโจนอย่างอิสระ
เจ้าหญิงขอบคุณการมีอยู่ของราชครู และรับฟังเสียงตักเตือนเสมอ
เจ้าเสือตัวน้อยมีความสุขที่ไม่ต้องอยู่กลางความขัดแย้ง แท้จริงแล้วทั้งสองร่วมมือกันเลี้ยงดูเจ้าเสือให้เติบโตอย่างดีมาตลอด เมื่อตระหนักรู้เช่นนี้แล้ว มันก็รู้สึกขอบคุณจากใจ
เมื่อพระอาทิตย์ผ่านมาที่ปราสาทอีกครั้ง ก็ยิ้มให้กับเจ้าเสือที่อยู่นอกกรงอย่างเป็นอิสระ โดยที่ไม่ไปทำร้ายใคร เป็นตัวของตัวเอง และเป็นที่รัก