จูลี่ เมอร์ฟี่ : “3C” หัวใจแห่งการเยียวยาใน Hakomi Method

บทความโดย คณพล วงศ์วิเศษไพบูลย์​ [ TOON วัชรสิทธา]

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 สถาบันวัชรสิทธาได้เชิญ จูลี่ เมอร์ฟี่ อดีต co-director สถาบัน Hakomi สหรัฐอเมริกา ผู้เป็นพี่สาวทางธรรมจากสังฆะ Dharma Ocean ในสหรัฐอเมริกา มาบรรยายหัวข้อ “หัวใจแห่งการเยียวยา” เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเธอในฐานะนักจิตบำบัดและผู้ปฏิบัติธรรม ให้กับผู้ที่สนใจศาสตร์แห่งการบำบัดเยียวยาด้วยร่างกาย หรือ Body-Centered Psychotherapy

ในคลาสนี้ จูลี่พาเราไปรู้จักกับหัวใจของการเยียวยาในแบบ Hakomi 3 ข้อ หรือ ที่เธอเรียกว่า “3C of Healing” “สามซี” ที่ประกอบด้วย Calmness, Connection และ Consciousness

จูลี่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

Calmness คือการตระหนักรู้ถึงร่างกายที่เปิดกว้างออก ซึ่งคือการเปิดเพื่อให้เราได้พบกับความดีพื้นฐานของสรรพสิ่ง

Connection คือความสามารถที่จะเชื่อมต่อกับตัวเองและร่างกายของเรา ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีธรรมชาติที่เชื่อมโยงกัน

Consciousness คือการประสานกันของ Mindfulness และ Compassion

จูลี่ ไม่ได้เพียงหยิบยก 3C มาเพียงเพื่ออธิบายเชิงทฤษฎีเท่านั้น เธอยังได้ชวนพวกเราให้สัมผัสกับ 3C ด้วยประสบการณ์ตรงของพวกเราเอง ผ่านกระบวนการที่เรียบง่ายแต่สร้างแรงกระเพื่อมแห่งความรู้สึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เธอเริ่มจากการชวนให้พวกเรานั่งภาวนาอยู่กับร่างกายของเรา

“ตระหนักรู้ถึงอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น รับรู้ถึงความคิด ความรู้สึก ความเคลื่อนไหว พลังงานต่างๆ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายและพื้นที่นี้ ให้ทั้งหมดนั้นอยู่ในความตระหนักรู้ของเรา”

จากนั้นเธออธิบายว่า ในระหว่างการภาวนา เธอจะกล่าวถ้อยคำขึ้นมา 3 ประโยค โดยแต่ละประโยคจะเว้นช่วงห่างกัน ขอให้พวกเราฟังแล้วสังเกตอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด

แล้วเธอจึงเริ่มประโยคแรก

“You’re safe here”

ห่างออกไปราว 5 นาที เธอจึงเอ่ยประโยคที่สอง

“You’re loveable just as you are, just the way you are”

เธอย้ำอีกครั้งว่าให้เราสังเกตทุกสิ่ง ปฏิกิริยาทางกาย จินตภาพ ความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น แล้วจึงกล่าวประโยคสุดท้าย

“It’s okay to have needs”

สามประโยคนี้เป็นแบบฝึกหัดที่อาจดูธรรมดาทั่วไป แต่ประสบการณ์ที่กลุ่มผู้เข้าร่วมได้สัมผัสในห้องร่วมกันนั้นกลับเป็นอะไรที่พิเศษเกินความธรรมดาไปไกล ส่วนหนึ่งอาจเพราะหัวใจที่พร้อมเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมทุกคน อีกส่วนก็คือความพิเศษของผู้ที่เปล่งคำเหล่านั้นออกมา ที่เราต่างสัมผัสได้ว่ามันเต็มไปด้วยความจริงแท้และจริงใจ ด้วยเหตุนี้มันจึงเข้ามาทำงานกับร่างกายและจิตใจของพวกเราโดยตรง

“เซอร์ไพรซ์ที่คำเรียบง่ายเหล่านั้นส่งอิทธิพลต่อตัวเราอย่างมาก จริงๆ แล้ววันนี้มาร่วมกิจกรรมด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่พอคุณพูดประโยคแรกออกมา เรารู้สึกเหมือนได้รับกอดที่อบอุ่น และรู้สึกว่าหัวใจได้เปิดออก”

“เราไม่ค่อยคุ้นเคยกับความรู้สึกปลอดภัย และเพิ่งมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่ได้ยินประโยคแรก ร่างกายก็เริ่มสงบลง และรู้สึกว่าหัวใจได้ขยายกว้างขึ้น”

“จังหวะที่ได้ท่องประโยคที่ได้ยินอีกครั้งด้วยตัวเองในใจ ช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกบางอย่างข้างในร่างกายที่แจ่มชัดขึ้นมา”

“ประโยคที่สามทำให้เรากลับมารู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ที่สามารถมีความต้องการต่างๆ ในชีวิตได้ ก่อนหน้านี้ชีวิตเรามีแต่งานเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างถูกนำทางด้วยงาน แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันมีความต้องการอื่นๆ มากมายที่ควรถูกเติมเต็ม แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”

ตัวอย่างเหล่านี้คือบทสนทนาที่คลาสได้พูดคุยกันหลังจากที่จบกระบวนการของจูลี่ ซึ่งนอกจากประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน เรายังได้พบว่าประโยคทั้งสามของจูลี่ช่วยสะท้อนถึงหลักการ 3C ได้อย่างเป็นรูปธรรม เธอค่อยๆ พาเราไปสัมพันธ์กับ Calmness, Connection และ Consciousness ภายในตัวเราเอง ผ่านกิจกรรมที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง

“You are safe here.”

เมื่อเรารู้สึกปลอดภัย เราจะเกิดความไว้วางใจต่ออะไรก็ตามที่เกิดขึ้น เราไม่กลัวที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เราพร้อมที่จะออกสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้า ความรู้ถึงปลอดภัยจึงเป็นกุญแจดอกแรกที่ไขหัวใจเราให้เปิดกว้างออก จูลี่ ไขหัวใจของพวกเราด้วยกุญแจดอกนี้ พร้อมกับส่งพลังงานแห่งการยอมรับและความเข้าใจ ตรงเข้ามาสู่การรับรู้ของเรา หลังจากที่เธอกล่าวประโยคนี้ออกมา บรรยากาศของห้องเรียนก็เปลี่ยนไปทั้งหมด ราวกับว่ามีอะไรที่เปิดออก มันทั้งโล่ง โปร่ง เบาสบาย

“You’re loveable just as you are, just the way you are.”

ประโยคนี้จูลี่เริ่มให้เราเริ่มเผชิญหน้ากับความคิดที่มีต่อตัวเอง แต่ความอ่อนโยนที่เดินทางมาพร้อมถ้อยคำของเธอนั้นปลอบประโลมทุกความคิดแง่ลบที่เราอาจมี เสียงในหัวของเราค่อยๆ เบาบางลง และในฉับพลันที่เริ่มรู้สึกถึงความคิดที่เจือจาง เราอาจรับรู้ได้ถึงความงดงามที่เรามีภายใน ไม่ผิดไปจากประโยคนี้เลยแม้แต่น้อย ด้วยความเป็นเช่นนี้ของเรา ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่สวยงามและควรค่าแก่การรัก เพียงแค่เราเป็นในแบบที่เราเป็น

จุดเริ่มต้นในการยอมรับและสัมพันธ์กับตัวเองอย่างแท้จริง คือการกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราเป็นอย่างตรงไปตรงมา เราไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือใช้ความคิดเข้ามาจัดการ เพราะทุกสิ่งที่เป็นเราล้วนแต่มีความดีงามเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

“It’s okay to have needs.”

บ่อยครั้งที่ความต้องการ ความอยากต่างๆ เป็นสิ่งที่เราพยายามกีดกันมันออกไปจากชีวิต ด้วยเหตุผลด้าน “ความมั่นคงปลอดภัย” ไปจนถึง “ความดีมีศีลธรรม” กรอบเหล่านี้ล้วนเป็นกำแพงบางอย่างที่ไม่ทำให้เราได้เผชิญหน้ากับความเป็นเราที่แท้จริง แต่เราสามารถค่อยๆ เริ่มฝึกที่จะ “รับฟัง” เสียงภายใน หรือความต้องการภายในของตัวเองได้เสมอ ซึ่งการรับฟังนี้คือจุดเริ่มต้นของความกรุณาที่เรามีต่อตัวเอง และเป็นบันไดขั้นแรกที่สามารถพาเราไปสู่การยอมรับความเป็นตัวเองทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะมันจะเป็นสิ่งที่ดีงามหรือเลวร้าย ปลอดภัยหรือเสี่ยง ก็ตาม

ความพิเศษในค่ำคืนหัวใจแห่งการเยียวยานี้ ไม่เพียงเกิดจากคำสอนและคำอธิบายในศาสตร์ Hakomi Method แต่เกิดจากการที่เธอพาให้เราไปรู้จักกับการเยียวยารูปแบบนี้ผ่านประสบการณ์ตรงของเราเอง ประโยคแรกเธอพาเราไปพบกับความสงบที่เปิดกว้าง (Calmness) ผ่านบรรยากาศแห่งความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอก ประโยคที่สองเธอพาเราไปพบกับการเชื่อมโยง (Connection) ผ่านการกลับมาเชื่อมโยงกับความดีงามที่เรามีอยู่แล้วภายในตัวเอง จนกระทั่งประโยคสุดท้าย เธอก็พาเรามาสู่การตระหนักรู้ที่เปี่ยมด้วยกรุณา (Consciousness) ผ่านการรับฟังและยอมรับความต้องการของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา

ในคลาสนี้ จูลี่ ทำให้เรามองเห็นว่าศาสตร์เชิงจิตวิทยาที่สัมพันธ์กับร่างกายอย่าง Hakomi Method ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดหรือทฤษฎีที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังมีความสามารถในการแปรเปลี่ยนและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้นในร่างกายและความรู้สึกจริงๆ ของเรา มันจึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับหัวใจของผู้ที่ได้รับการเยียวยาทุกคนในค่ำคืนนี้