บทความโดย แมรี่ ทัลบอท
ภาพประกอบโดย Nakkusu
แปลและเรียบเรียงโดย ทีมงานวัชรสิทธา
จาก Tricycle.com
ฉันจะไม่อ้อมค้อม ฉันใช้ชีวิตแบบพรหมจรรย์ และนั่นเป็นเพราะธรรมะ
การงดเว้นจากกิจกรรมทางเพศทั้งหมดเป็นหนึ่งในศีลแปดที่ฆราวาสชาวพุทธถือในวันสำคัญทางจันทรคติ หรือโดยผู้ปฏิบัติที่อุทิศตน ซึ่งมักจะอยู่ในวัด ผู้ที่ต้องการอุทิศพลังงานทั้งหมดให้กับการภาวนาและการศึกษาธรรมะ หากการรับศีลข้อนี้ทำให้คนอื่นมองว่าผิดปกตินั้นคงไม่น่าแปลกใจ เราส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ฝังแน่นว่าเราควรจะอยู่กันเป็นคู่ ว่านั่นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับความสุข เรายังยึดถือมุมมองทางจิตบำบัดที่แพร่หลายว่าผู้คนจะกลายเป็นสัตว์สังคมที่สมบูรณ์ผ่านความสัมพันธ์โรแมนติกที่ดี คำว่า “celibacy” (พรหมจรรย์) นั้น มาจากคำประสมอินโด-ยุโรเปียนที่หมายถึง “การอยู่เพียงลำพัง” ในทางวัฒนธรรมของเรานั้น การอยู่เพียงลำพังไม่ใช่สิ่งที่เราแสวงหา
ไม่มีจุดไหนในคำสอนของพุทธะที่ห้ามฆราวาสมีเซ็กส์ หรือบอกว่าการงดเว้นเพศสัมพันธ์เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของเส้นทางสู่การตื่นรู้ ตรงกันข้าม ในพระสูตรเต็มไปด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมภายในขอบเขตของความสัมพันธ์ที่มั่นคงและให้เกียรติซึ่งกันและกัน พระอาจารย์ไทยผู้ล่วงลับ หลวงตามหาบัว เปรียบเทียบความรู้สึกทางเพศของคู่สมรสเหมือนกับไฟในครัว “ทั้งไฟและเซ็กซ์จำเป็นต่อการสร้างและรักษาครอบครัวให้ประสบความสำเร็จ” ท่านกล่าวว่า “การแต่งงานจำเป็นต้องเป็นหุ้นส่วนทางเพศกัน ในขณะที่ไฟในครัวขาดไม่ได้สำหรับการเตรียมอาหารของครอบครัว ถ้าทั้งสองถูกใช้อย่างระมัดระวัง ด้วยวิจารณญาณอย่างเหมาะสม มันก็จะช่วยตอบสนองความต้องการพื้นฐานของคนในชีวิตได้อย่างเพียงพอ”
แน่นอนว่าชาวพุทธที่มีชีวิตคู่ที่มั่นคงสามารถยืนยันถึงพลังของความผูกพันที่ช่วยกำกับให้ใช้ชีวิตในทางที่ถูกที่ควร ในแง่ดี มันเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ให้เราได้สำรวจตัวเองขณะเผชิญกับสิ่งล่อใจจากภายนอก ทั้งความต้องการทางเพศและสิ่งรบกวนใจอื่นๆ ขณะที่มันเกิดขึ้นและผ่านไป ในศตวรรษที่ 21 มีหลายรูปแบบความสัมพันธ์ที่ทำให้เรามีความสุขทางใจและเติบโตทางจิตวิญญาณ รวมทั้งคู่รักที่ตัดสินใจใช้ชีวิตแบบพรหมจรรย์เพื่อการปฏิบัติธรรม
แต่ในขณะที่พุทธะปล่อยให้ฆราวาสมีทางเลือกในเรื่องเซ็กส์และความสัมพันธ์โรแมนติกเอง ท่านสอนว่ากิจกรรมทางเพศเป็นส่วนหนึ่งของตัณหา (กามตัณหา ความอยากทางกาม) ซึ่งได้รับการอธิบายในอริยสัจข้อที่สองว่าเป็นสาเหตุของทุกข์ เป็นแหล่งของการยึดติดและความผูกพัน (อุปาทาน หรือความยึดติดในความสุขทางกาม) เป็นอุปสรรคต่อการภาวนาและเป็นพันธนาการหรืออุปสรรคต่อการหลุดพ้น สิ่งที่เป็นอุปสรรคมากกว่าวัตถุแห่งความปรารถนาเอง คือกิจกรรมทางจิตที่เราสร้างขึ้นรอบๆ มัน การคิดและวางแผนและความคาดหวังอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับวิธีที่เราจะได้มาซึ่งสิ่งนั้น เมื่อเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง กามตัณหาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเซ็กส์ไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะง่ายกว่าที่จะเห็นว่ากามตัณหาเข้ามาครอบงำอย่างไร
ตลอดพระสูตรต่างๆ พุทธะเน้นย้ำข้อเสียของการหลงใหลในความสุขทางกาย เช่น ในโปตลิยสูตร ใช้อุปมาชุดหนึ่งเพื่ออธิบายความน่าผิดหวังในการแสวงหาความสุขที่คงทนจากความเพลิดเพลินทางประสาทสัมผัส สมมติว่าสุนัขตัวหนึ่ง อ่อนแอและหิวโหย มาถึงโรงฆ่าสัตว์ และที่นั่นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์หรือลูกมือได้ขว้างโครงกระดูกให้มัน เป็นโครงกระดูกที่ขูดเกลี้ยงจนไม่เหลือเนื้อ เปื้อนแต่เลือด คุณคิดว่าอย่างไร สุนัขตัวนั้นจะสามารถบรรเทาความอ่อนแอและความหิวโหยได้หรือไม่ เมื่อกัดแทะโครงกระดูกที่ขูดเกลี้ยง ไม่มีเนื้อ เปื้อนแต่เลือด เนื่องจากกระดูกเหล่านั้นไม่มีสารอาหารใดๆและเหมือนกับสิ่งทางโลกทั้งหมดที่ไม่ยั่งยืนเราเข้าใจว่าสุนัขตัวนั้น “จะได้เพียงความเหนื่อยล้าและความหงุดหงิดเท่านั้น”
ฉันไม่สามารถระบุเวลาแน่ชัดได้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันตระหนักว่าสามารถหยุดแทะชิ้นกระดูกนั้นได้ ว่าการใช้ชีวิตโสดและปราศจากเซ็กซ์คือพาสปอร์ตที่ช่วยพาฉันออกจากความเหนื่อยล้าและความทุกข์ใจมากมาย ว่ามันทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าความสัมพันธ์โรแมนติกใดๆ ที่เคยมี และว่าฉันสามารถตั้งปณิธานกับตัวเองที่จะใช้ชีวิตต่อไปในสภาวะนี้ เมื่อฉันละเว้นจากเซ็กส์และความสัมพันธ์โรแมนติก รวมถึงการคิดถึงและการแสวงหาสิ่งเหล่านั้น พอเอามันออกจากรายการสิ่งที่ฉันต้องกังวลถึง ก็ได้เปิดพื้นที่ทางจิตใจอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นส่วนใหญ่ของชีวิตฉันเคยอุทิศให้กับการวางกลยุทธ์ ความคิดฟุ้งซ่าน การเสียใจผิดหวัง และการทุกข์ทรมาน ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากนักบวชที่ฉันรู้จัก และจากคำมั่นสัญญาของพุทธะที่ว่า ในขณะที่ชีวิตพรหมจรรย์อาจดูลดทอนลงจากโลกภายนอกอย่างรุนแรง แต่ชีวิตภายในของผู้สละโลกจะเบ่งบานและขยายตัวอย่างทวีคูณ การดำรงอยู่ของฉันในฐานะแม่ที่ทำงานในเมืองทำให้ไม่สามารถทำสิ่งส่วนใหญ่ที่พระและแม่ชีทำในแต่ละวันได้ แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักบวช ควบคู่ไปกับการภาวนาและการสันโดษ ที่ฉันสามารถปฏิบัติในบ้านของตัวเองได้
ฉันขอบอกไว้ก่อนว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ฉันก็เคยได้ลิ้มรสมาครบถ้วนแล้ว ฉันเคยมีความสัมพันธ์ ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง เคยให้กำเนิดลูกสองคนที่ฉันรักอย่างบ้าคลั่ง และไม่เคยคิดเรื่องพรหมจรรย์อย่างจริงจัง จนกว่าจะได้ลิ้มรสประสบการณ์ชีวิตมาครบถ้วนแล้ว สำหรับคนส่วนใหญ่ การสละเซ็กส์ในวัยรุ่นหรือช่วงยี่สิบสามสิบ ช่วงที่เรายังจมอยู่กับฮอร์โมนที่พลุ่งพล่ายและได้ยินเสียงนาฬิกาชีวภาพดังลั่นอยู่ตลอดเวลา เป็นความมุ่งมั่นที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งฉันไม่เคยคิดจะแตะต้องในวัยนั้น ในช่วงเวลาที่ฉันถือว่าตัวเองเป็นพุทธศาสนิกชน ฉันได้ทำสิ่งที่พุทธศาสนิกชนไม่ควรทำมากมาย เมื่อฉันยังเด็กกว่านี้ การเมาเหล้า ฆ่าแมลง เอาเครื่องใช้สำนักงานกลับบ้าน โกหก และนอนกับคนที่ฉันไม่ควรนอนด้วย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างปกติของฉัน แม้แต่กิจกรรมที่ดูเป็นกลางๆ อย่างการมีคู่ครอง การอยู่ร่วมกัน แล้วแต่งงาน มักจะเดินไปควบคู่กับความลับ การโกหก ปิดบัง ไม่รู้ทำไม ฉันคิดว่าฉันสามารถรับศีล และปฏิบัติตามเมื่อสะดวก
ฉันใช้เวลานานกว่าจะเห็นว่าฉันกำลังทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานอย่างไร แถมกำลังลากคนที่รักไปด้วย ฉันเป็นนักภาวนา แต่เหมือนม้าตัวเลวที่สุดในอุปมาที่ไม่สามารถเข้าใจนัยยะจากการตวัดแส้เบาๆ ได้ ในที่สุด ฉันเริ่มใส่ใจกับแส้ที่กำลังฉีกเนื้อเถือหนังฉันลึกลงไปถึงกระดูก การรักษาศีลต้องอาศัยการตระหนักรู้ตนเองอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการแยกแยะ และความเพียรพยายาม แต่จะมีจุดหนึ่งที่ความเป็นประโยชน์ ความดีงามของศีล จะแทรกซึมลงสู่ร่างกายและอิ่มตัวในการกระทำของเรา เมื่อนั้นการละเมิดศีลก็จะกลายเป็นเรื่องยากขึ้น
การยอมรับความจริงว่า ฉันไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์โรแมนติก และการไม่มีก็ช่วยให้เดินบนเส้นทางธรรมได้ดีขึ้น รู้สึกเหมือนกับถูกปลดตัวเองออกจากเสื้อรัดตัวที่ไม่รู้ตัวว่าสวมอยู่ หรือที่ถูกต้องกว่านั้น มันเหมือนกับการค้นพบว่าฉันพกอาวุธที่ใช้ยิงตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วจู่ๆ ก็เห็นว่าฉันสามารถวางมันลงได้ ฉันรู้สึกถึงความปลอดภัยและความมั่นใจอย่างลึกซึ้งในการปล่อยวางความคิดที่ว่าฉันควรจะมีคู่ครอง แท้จริงแล้ว ความรู้สึกปลอดภัยเป็นเป้าหมายสำคัญของการใช้ชีวิตแบบพรหมจรรย์ พุทธะยกย่องคุณสมบัตินี้ในมหามงคลสูตร การคุ้มครองหรือพรอันยิ่งใหญ่:
“ความเพียร พรหมจรรย์ การเห็นอริยสัจ การบรรลุการหลุดพ้น : นี่คือการคุ้มครองสูงสุด”
สังคมของเรายกย่องความสุขทางเพศเหนือความพึงพอใจรูปแบบอื่นๆ ทั้งหมด มันเป็นเครื่องยนต์เผาไหม้ของวัฒนธรรมการบริโภคและแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของโลกสมัยใหม่ ในบริบทนั้นส่วนใหญ่ พรหมจรรย์มักถูกดูแคลน แน่นอนว่าความหลอกลวงและการกดขี่ชอบแฝงตัวมาในรูป “ความบริสุทธิ์” ของหลายองค์กรทางศาสนา โดยเฉพาะคริสตจักรคาทอลิก แม้แต่ในศูนย์พุทธศาสนาจำนวนมาก พรหมจรรย์ปลอมได้เกิดขึ้นพร้อมกับการล่วงละเมิดและการเอารัดเอาเปรียบอย่างร้ายแรง
เมื่อพระและแม่ชีรับศีลพรหมจรรย์ พวกเขาไม่ได้เดินทางคนเดียว พวกเขาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังฆะและค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ปฏิบัติคนอื่นๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง มีการแบ่งปันแนวทางและวิธีการในการระงับกิเลสราคะและความลังเลสงสัย และใช้เวลาในการภาวนาเพื่อรื้อสร้างการก่อตัวของความปรารถนาและตัวตน ที่สำคัญไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่การที่ฆราวาสจะทำสิ่งเดียวกันนี้ อาจเป็นเรื่องเหงาและโดดเดี่ยว เมื่อเพื่อนที่เป็นครูธรรมะตอบคำถามจากนักเรียนที่ว่าพวกเขาควรจะใช้ชีวิตแบบพรหมจรรย์หรือไม่ เขาเตือนนักเรียนให้ตรวจสอบเจตนาของตนอย่างละเอียดรอบคอบว่า “นี่เป็นสิ่งที่พวกเธอพร้อมจริงๆ หรือไม่ หรือพวกเธอกำลังใช้มันเพื่อทำให้ตัวเองห่างไกลจากสิ่งที่เจ็บปวด”
หากตอบตัวเองได้ชัด พรหมจรรย์ก็สามารถเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทรงพลังและเต็มเปี่ยม บนเส้นทางสู่การหลุดพ้นของฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรมได้