บทความโดย โอม มณีปัทเมหุม
ภาพประกอบ : Nakkusu
ในคำสอนของเชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช มีวลีหนึ่งที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับกลิ่นควันธูปที่กำลังเผาไหม้ “พังทลายคือข่าวดี” นี่คือคำสอนที่ทะลวงผ่านใจกลางแห่งการแสวงหาความมั่นคงปลอดภัยและตัวตนอันตายตัวของเรา เป็นการเชื้อเชิญอย่างถึงรากให้เราเปิดรับความไร้หลักของชีวิต ที่เราพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด
ลองนึกภาพว่าคุณใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างป้อมปราการขึ้นมาจากอิฐทีละก้อน คุณสร้างกำแพงเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากความโกลาหลแห่งชีวิต คุณเสริมสร้างมันด้วยกิจวัตรประจำวัน ตัวตน ความสัมพันธ์ และความเชื่อ แต่แล้ววันหนึ่ง พื้นดินสั่นสะเทือนใต้เท้าคุณ กำแพงเริ่มแตกร้าว อิฐแต่ละก้อนเริ่มหลุดร่วง ความตื่นตระหนกเข้าครอบงำเมื่อโครงสร้างที่คุณพึ่งพาเพื่อความมั่นคงเริ่มพังทลายลง
นี่แหละคือช่วงเวลาที่ตรุงปะกล่าวว่าเป็น “ข่าวดี”
เพราะในห้วงเวลานั้นที่ทุกอย่างพังทลาย เราถูกเปิดเปลือยจากสิ่งที่เราเคยยึดไว้ว่าเป็นตัวตนของเรา เหลือเพียงตัวเราเองต่อหน้าความเป็นจริงอันเปลือยเปล่า ท่ามกลางซากปรักหักพังของสิ่งที่เราสร้างขึ้น
แต่แทนที่จะเป็นเหตุให้เราหดหู่ ตรุงปะกลับชี้ให้เห็นว่า การพังทลายนั้นเป็นประตูสู่อิสรภาพและการหลุดพ้น เพราะป้อมปราการนั้นไม่เคยมีอยู่จริง มันเป็นเพียงโครงสร้างอัตตาที่สร้างขึ้นมาเพื่อพยายามทำให้สิ่งที่ไม่มั่นคงกลายเป็นสิ่งที่มั่นคง เมื่อมันพังทลายลง เราจะได้สัมผัสกับสิ่งที่ตรุงปะเรียกว่า “หัวใจแห่งความเศร้าที่จริงแท้” (Genuine Heart of Sadness) — ความเปิดกว้างที่อ่อนโยน ลึกซึ้ง และปราศจากเงื่อนไข ที่ซ่อนอยู่ใต้เกราะแข็งของอัตตา
เราค้นพบชั่วขณะของการอยู่ตรงนั้นกับตัวเองได้จริงๆ เป็นครั้งแรก
ของขวัญแห่งความไม่มีพื้น
ในคำสอนของตรุงปะ ความไม่มีพื้น (groundlessness) ไม่ใช่สิ่งที่ที่ต้องกลัว แต่คือสภาวะที่เราควรยินดี เราใช้เวลาทั้งชีวิตพยายามยึดมั่นกับบางสิ่ง — ตัวตนที่แน่นอน เป้าหมายที่ชัดเจน หรือภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อพื้นถูกดึงออก เราพบตัวเอง ร่วงหล่น (free fall) สู่ความเป็นจริงอันไร้หลัก
ในห้วงเวลานั้น เราพบกับสิ่งที่ตรุงปะเรียกว่า “ความสิ้นหวังแห่งสังสารวัฏ” ความสิ้นหวังนี้ไม่ใช่การปลดปลงต่อความทุกข์ แต่คือการปลดปล่อยภาพลวงตาแห่งการควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เราต้องการ มันคือการศิโรราบต่อความคาดเดาไม่ได้ของชีวิต การยอมรับโดยสิ้นเชิงว่าไม่มีอะไรที่เราแก้ไขได้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง และไปตามกระแสแห่งความเป็นเช่นนั้น
เมื่อเราหยุดดิ้นรนที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ตายตัว เราจะพบกับความกว้างขวางแห่งปัจจุบันขณะ เราไม่ต้องพยายามยึดมั่นหรือผลักไสอะไรอีกต่อไป เราแค่ อยู่กับสิ่งที่เป็น — เปลือยเปล่า ดิบเดิม เปราะบาง และมีชีวิตชีวา นี่คือของขวัญแห่งความไร้หลัก — การได้สัมผัสกับความเป็นจริงตรงหน้าโดยปราศจากฟิลเตอร์ของอัตตาที่คอยบิดเบือนมัน
เผชิญกับปีศาจท่ามกลางซากปรักหักพัง
เมื่อป้อมปราการพังทลาย ปีศาจที่เราพยายามหลีกเลี่ยงจะโผล่ขึ้นมา — บาดแผลเก่าๆ ความโศกเศร้าที่ไม่ได้รับการเยียวยา ความกลัว ความไม่มั่นคง และอดีตที่ยังติดค้าง ตรุงปะสอนว่า นี่ก็เป็นข่าวดีเช่นกัน เพราะปีศาจเหล่านี้ไม่ใช่ศัตรู แต่คือครู ผู้ส่งสารแห่งญาณปัญญาจากจิตใต้สำนึกของเรา
แทนที่จะวิ่งหนี ตรุงปะเชื้อเชิญให้เรา นั่งลงและดื่มชากับปีศาจเหล่านี้ “เชิญพวกเขาเข้ามา” ตรุงปะกล่าว “โอบกอดพวกเขาด้วยความอ่อนโยน” พวกเขาไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเรา แต่มาเพื่อชี้ให้เห็นว่ายังมีส่วนไหนที่เรายังยึดมั่น ยังกลัว ยังหลงยึดกับภาพลวงตาแห่งตัวตนอีก
ในกระบวนการนี้ การพังทลายไม่ใช่การสูญเสีย แต่คือการค้นพบ เราไม่ได้กำลังสูญเสียตัวเองไป แต่เรากำลังค้นพบตัวเอง
เส้นทางนักรบ
ตรุงปะมักกล่าวถึง นักรบชัมบาลา — ผู้กล้าที่พร้อมทำงานกับจิตใจตนเอง พร้อมเผชิญชีวิตอย่างที่เป็น โดยไม่เบี่ยง เลี่ยง หรือหนีไปไหน สำหรับนักรบ การพังทลายไม่ใช่โศกนาฏกรรม แต่เป็นเหมือน “Rite of Passage” พิธีกรรมแห่งการเปลี่ยนผ่านทางจิตวิญญาณ
การพังทลายคือการทลายกำแพงของการแบ่งแยกตัวเราจากสรรพสิ่ง ปล่อยจากเรื่องราวที่เราเฝ้าบอกว่าเราคือใครและชีวิตควรเป็นอย่างไร การปลดปล่อยตัวเองนี้จะพาเราเข้าสู่ พื้นที่แห่งความไพศาลและไร้ขอบเขต — ความว่างอันเรืองรองและสว่างไสวของชีวิต
ดังบทกวีอันเป็นที่รู้จักของเชอเกียม ตรุงปะ :
“ข่าวร้ายคือ คุณกำลังร่วงหล่นลงไปในอากาศ
ไม่มีอะไรให้ยึดเกาะ ไม่มีร่มชูชีพ…ข่าวดีก็คือ ไม่มีพื้นดินรองรับ”
นี่คือหัวใจคำสอนของเชอเกียม ตรุงปะ การหลุดพ้นจากอัตตาตัวตน จากการโอบกอดการร่วงหล่นของชีวิต อนุญาตให้ตัวเองจริงแท้กับตัวเองได้ในทุกขณะ ด้วยการพังทลาย แตกสลาย และเปิดออกสู่พื้นที่ว่างอันไพศาลแห่งการตระหนักรู้ ท่ามกลางการแหลกสลายได้ของหัวใจที่อ่อนโยนทว่ากล้าแกร่งนี้เอง ที่เราจะค้นพบพื้นอันไม่มีพื้น ธรรมชาติเดิมแท้แห่งการดำรงอยู่ อันไพศาล เปิดกว้าง และเป็นอิสระ
และนั่น คือข่าวดีอย่างแท้จริง
+++++++++++++++++++++++++
หากท่านชอบบทความที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ vajrasiddha.com และต้องการสนับสนุนการทำงานของพวกเรา สามารถช่วยกันแชร์ คอมเมนท์ ติชม ได้ในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย วัชรสิทธาดอทคอม ดำเนินงานเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาอย่างไม่แสวงหาผลกำไร ผู้ที่ได้รับประโยชน์ และมีจิตศรัทธา สามารถสนับสนุนการดำเนินงานของเว็บไซต์ได้ที่ — ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกระบือ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิวัชรปัญญา” เลขที่ 053-3-67904-8