“จิตวิญญาณหินยาน” : เริ่มต้น ณ จุดเริ่มต้น

บทความโดย เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช
แปลโดย วิจักขณ์ พานิช

เริ่มต้น ณ จุดเริ่มต้น

เพื่อที่จะเข้าใจพุทธธรรม เราต้องเริ่ม ณ จุดเริ่มต้น เราต้องทำงานไปทีละขั้น สเต็ปบายสเต็ป และหนทางที่จะเริ่มต้น ณ จุดเริ่มต้น ก็คือ หินยาน “เส้นทางแห่งการหลุดพ้นส่วนบุคคล”  หินยานถูกเรียกว่า พาหนะเล็ก ไม่ใช่เพราะความใจแคบหรือขาดวิสัยทัศน์ แต่เพราะหินยานเป็นแนวทางที่หยั่งรากลึกและเห็นผลได้จริง

หินยานก็เหมือนการสร้างปราสาทบนหิน มันต้องอาศัยทั้งวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับวินัยและการปฏิบัติจริงที่ยิ่งใหญ่ หากปราศจากแนวทางที่หยั่งรากลึก มันก็เหมือนการสร้างปราสาทบนน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งละลาย ปราสาทก็ไหลลงท่อไป

ไม่มีอะไรที่หยิบโหย่งบนแนวทางหินยาน ทุกอย่างตรงไปตรงมาและแม่นยำมาก มันคือทางตรงและแคบ หินยานไม่ปล่อยให้ความเหลาะแหละเข้ามามีบทบาทบนเส้นทาง รากฐานนี้เป็นส่วนสำคัญยิ่งตลอดเส้นทางพุทธธรรมทั้งหมด จำเป็นที่เราต้องเคารพคำสอนหินยาน อย่าลืมหินยานเด็ดขาด!

พุทธศาสนาบอกว่า ความสับสนต้องถูกปัดเป่า ไอเดียของการไปพ้นความสับสนนี้สัมพันธ์อยู่กับการเข้าใจในธรรมชาติอันเป็นอุดมคติของจิตมนุษย์ ที่เรียกว่า enlightenment (จิตตื่นรู้, ตรัสรู้) ครั้นตัวตนของเธอสลายไป ครั้นความคาดหวังเฉพาะต่อชีวิตของเธอสลายไป นั่นคือการหลุดพ้น (liberation) หรือการตรัสรู้ (enlightenment) เมื่อการตื่นรู้ตั้งอยู่บนการสิ้นไปของอัตตาและความคาดหวังทั้งหลาย เธอจึงไม่อาจเฝ้ามองดูงานศพตัวเอง และเธอไม่อาจแสดงความยินดีต่อตัวเองในการเป็นพุทธะคนแรกของยุคสมัย หรือพุทธะคนแรกของมหานครนิวยอร์กได้

หินยานสำคัญต่อเส้นทางจิตวิญญาณของเรา เพราะเรามีร่างกาย มีกิเลส มีสภาวะจิตของเรา มีจิตของเรา มีแบบแผนความเคยชินของเรา และมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำงานกับสิ่งเหล่านี้ก่อนที่เราจะไปต่อบนเส้นทาง เราไม่ควรทะเยอะทะยานเกินไปหรือเอาแต่ปฏิเสธสิ่งรอบตัว มากไปกว่านั้น หินยานสำคัญ เพราะหินยานช่วยให้มองเห็นประสบการณ์ของเรา ในฐานะประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ หากเราใส่เกลือลงไปในอาหาร เราก็ลิ้มรสเกลือ รู้จักความเค็มของเกลือจริงๆ หากเราข้อเท้าพลิก เราก็รู้สึกกับข้อเท้าที่พลิก หากเราปวดหลัง เราก็มีประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมากับหลังที่ปวดจริงๆ

ในการเรียนรู้ธรรมะ เราต้องเข้าใจสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เหมือนคนอบขนมปัง ที่ต้องรู้ปริมาณที่เหมาะสมของยีสต์และน้ำที่ใช้ พอเหมาะพอดีกับปริมาณของแป้ง เช่นเดียวกัน ในฐานะผู้ปฏิบัติ เธอต้องรู้จักจิตของเธอ ทั้งความวิปลาส ความเป็นไปได้ในทางบวก อุปสรรค และความผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ของมัน เธอต้องรู้จัก reality เช่นเดียวกับที่ต้องรู้จักแฟนตาซี ความหวัง ความกลัว ไอเดียต่างๆ เธอต้องรู้ว่าสถานการณ์บางอย่างก่อให้เกิดความเป็นไปได้ของความทุกข์หรือความสุขต่อตัวเธอ คำสอนของพุทธะนั้นเป็นอะไรที่ realistic และ pragmatic มากๆ

ตามที่กล่าวไว้ในคำสอนหินยาน ชีวิตนั้นเป็นทุกข์ ส่วนความสุขก็มีบ้างเป็นครั้งคราว เราเกิดมา แก่ เจ็บและท้ายที่สุดทว่าไม่สุดท้าย เราก็ตาย เราต่างกำลังรอที่จะตาย ฉันเกรงว่านั่นคือข่าวร้าย ไม่ว่าเธอจะอายุน้อยหรือมาก นั่นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ทุกคนจะตายในท้ายที่สุด ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะทำอะไรบางอย่างกับชีวิตเธอ เราไม่ได้สนใจที่จะพัฒนาความเป็นอมตะ ป้องกันความป่วยไข้ หรือจะไม่กลับมาเกิดอีก แต่เราสนใจที่จะทำอะไรบางอย่างขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ยังหายใจอยู่ ขณะที่สามารถมองเห็นความงามของหิมะ ดอกไม้ ท้องฟ้า แสงแดด และหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถจินตนาการถึง

ขีวิตก็เหมือนสตูว์ ทุกอย่างผสมรวมกันหมด ซึ่งอาจจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ไม่รู้ ส่วนผสมนั้นเรียกว่า “สังสารวัฏ” แปลว่า ปั่น หรือว่ายวนไม่สิ้นสุด สังสารวัฏไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่มันทำให้เราเวียนหัว เราไม่รู้เลยว่ากำลังเดินไปทางทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก หรือทิศเหนือ สังสารวัฏก็เหมือนเวลาเราเสพยาหลอนประสาท ซุปเปอร์แอลเอสดีอะไรทำนองนั้น และตอนนี้ เราอยู่ในมัน เราอยู่ในสังสารวัฏไม่ว่าจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม

ธรรมะแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการออกจากสังสารวัฏ สิ่งที่เรียกว่า enlightenment นั้นเป็นไปได้ เธอทำได้ เธอเรียนรู้เกี่ยวกับมันได้ you can do it! การตื่นรู้ก็เหมือนการมองแสงแดดจ้าเป็นครั้งแรกในยามเช้า เหมือนการมองดอกไม้บานในป่า เจ้ากวางน้อยโดดหย็องแหย็ง ฝูงนกโผบิน หรือฝูงปลาแหวกว่าย ชีวิตไม่ได้มืดมนขนาดนั้น ในตอนเช้าเมื่อเธอแปรงฟัน เธอเห็นความเงางามของมัน reality มีทั้งความงาม ประกาย และความเย่อหยิ่งในตัวมันเอง เธอสามารถเรียนรู้ชีวิตขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เรียนรู้วิธีที่จะบรรลุความสว่างไสวของชีวิต ทว่า ความปรารถนา ที่จะตรัสรู้นั้นสามารถกลายเป็นปัญหา ต่อเมื่อการตรัสรู้ไม่ใช่อะไรที่สลักสำคัญสำหรับเธอ เธอจึงจะบรรลุสู่การตรัสรู้

ธรรมะเหมือนบรรยากาศ เธอไม่อาจหลบหนีจากมันได้ ความหลงไม่ถูกมองว่าเป็นความพังพินาศ ความสับสนไม่ได้ถูกมองว่าแย่ กระนั้นเราก็ติดแหง็กอยู่กับมัน พุทธะกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหลายต่างก็เผชิญกับความสับสน เธอจำเป็นต้องได้ยินข่าวร้ายนี้ แต่โปรดอย่าตื่นตระหนก เพราะเธอสามารถทำบางอย่างกับมันได้ ทว่าจะไม่มีใครที่สามารถทำแทนเธอได้ เธอต้องเริ่มต้นด้วยตัวเธอเอง ดังนั้นบางทีเธอก็ควรจะตื่นตระหนก เธอควรจะช็อคเมื่อตระหนักว่าเธอติดกับและถูกคุมขังตลอดมา เพราะเมื่อนั้นเธออาจเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างกับมัน ก่อนหน้านี้เธอไร้เดียงสาเกินไป เธอเอ็นจอยชีวิตสังสารวัฏมากเกินไป เธอควรจะช็อคมาตั้งนานแล้ว! ขอโทษนะที่ต้องนำข่าวร้ายมาบอก แต่มันก็มีศักยภาพที่จะเป็นข่าวดีได้ด้วยเช่นกัน แต่ในการเริ่มต้น เธอต้องมีประสบการณ์กับความเป็นจริง เริ่มต้นที่บ้าน ความเป็นจริงบ้านๆ  จริงๆ ต้องบอกว่าเริ่มต้นที่ชั้นใต้ดินของบ้านเลย

สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน