เดินอยู่บนคมมีด : “อยู่ตรงนั้นในความอยู่ไม่ได้”

บทความโดย โอม มณีปัทเมหุม

“The discipline of sitting meditation is like sharpening a knife. You are sitting on the blade of a knife. The journey is just that precise, just that sharp. You can’t afford to daydream.”
Chögyam Trungpa Rinpoche

ในช่วงเวลาที่เราเจ็บปวดที่สุด บางทีคำสอนทางจิตวิญญาณที่เคยอ่าน เคยได้ยินได้ฟังมา อาจดูไกลตัวเหลือเกิน แม้จะลึกซึ้งเพียงไร ก็ไม่อาจแตะต้องความทุกข์จริงในใจเราได้ ความกลัว ความเหงา ความเศร้า หรือการสูญเสียที่ยังสดอยู่นั้น มักทำให้เราอยากหนีหาย เราอยากหลบ อยากเลี่ยง อยากดีขึ้น หรืออยากข้ามพ้นไปไวๆ

เรามองหาทางออกเฉพาะหน้า บางทีอาจเป็นคำปลอบใจหรือการพิงใครใกล้ตัว เราอาจมีคำอธิบายให้กับตัวเอง หรือแม้แต่ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สึกดีชั่วครู่แบบที่ไม่ต้องจมอยู่ตรงนั้น แต่เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ชี้ให้เราเห็นว่า การปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่แท้ ไม่ใช่การหลีกหนีความจริง แต่เป็นการ เดินอยู่บนคมมีด — อยู่กับความจริงที่อยู่ได้ยาก โดยไม่หลบเลี่ยง

“The spiritual path is not about going to heaven or attaining enlightenment, but about confronting our pain and fear and becoming completely honest with ourselves. The path is very sharp, like a razor’s edge.”
Chögyam Trungpa Rinpoche

คมมีดที่ว่านี้คือความเปลือยเปล่าของชีวิต แผลสดที่จะหายเองได้หากไม่เบือนหน้าหนี การผ่าตัดแบบไม่ใช้ยาสลบ ที่หวังว่าจะไม่มีใครลุกออกไประหว่างกลาง เรามักไม่เคยมองภาพการทำงานกับอัตตาว่าน่ากลัวขนาดนั้น แต่นี่แหละคือความเป็นจริงของชีวิต “ธรรมะของจริง” ที่ตรัสรู้ผ่านความจริงแห่งความทุกข์

“การภาวนา” ในทัศนะของ เชอเกียม ตรุงปะ คือหนทางของผู้กล้า วิถีนักรบที่ไม่ใช่การ manipulate ชีวิตเพื่อเป้าหมายแห่งความสงบ แต่ภาวนาคือการเผชิญชีวิตอย่างจริงแท้ การอยู่ตรงนั้นกับภาวะควบคุมไม่ได้ ความปั่นป่วน สับสน โกลาหล และไร้หลัก การอยู่กับตัวเองอย่างไม่เก็บกด ขณะเดียวกันก็ไม่ไหลไปตามกิเลส ไม่กินยาแก้ปวด ไม่สวมหน้ากาก หรือใช้ธรรมะเป็นเครื่องปกปิด

เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการภาวนา ไม่ใช่การอยู่รอด อยู่ได้ หรือ “อยู่เป็น”

….แต่คือการ “ตื่น”


“อยู่ตรงนั้นในความอยู่ไม่ได้” คือสโลแกนสำคัญของการฝึกตน ในชั่วขณะที่อยากร้องตะโกนว่า “กูอยู่ไม่ได้โว้ย!!” เราตั้งสติและอยู่ตรงนั้นเอนี่เวย์ นี่คือจุดเริ่มต้นทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของการทวนกระแสสังสารวัฏ ที่หากทำบ่อยๆ ก็จะมีกำลังมากขึ้น เราก็แค่อยู่ตรงนั้นกับความจริงแห่งทุกข์ โดยไม่ใช้วิธีการเดิมๆ ของอัตตา เราก็แค่ไม่สนใจดราม่าและเสียงโวยวายของอัตตาก็เท่านั้น

ในทางหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลย
“แค่อยู่ตรงนั้น”

แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะเวลาเจอความทุกข์หนักๆ ปัจจุบันขณะก็เหมือนทางเดินแคบๆ ที่เราพร้อมจะพลัดตกไปสู่กลยุทธ์ทางความคิดแบ่งขั้ว ไม่ทางใดทางหนึ่งได้ตลอดเวลา เราเห็นแนวโน้มของการกระโดดหนี ที่ไม่ใช่ทางสายกลางอันหมิ่นเหม่ของการอยู่กับความเป็นจริงอันเจ็บปวด

การภาวนา จึงไม่ต่างกับการเดินอยู่บนคมมีด เราตระหนักว่าชั่วขณะของความทุกข์ คือประตูที่เปิดสู่ความอ่อนโยนและความกรุณา เราอยู่ตรงนั้นกับตัวเองอย่างเปลือยเปล่า กับความโกรธ กับความเศร้า กับความอับอาย เราสัมพันธ์กับทุกความคิด ทุกปรากฏการณ์ของจิตอย่างเปิดกว้าง ราวกับท้องฟ้าที่เปิดต่อทุกความเป็นไปได้ แต่ละย่างก้าวบนคมมีด คือการค่อยๆ ปลดความตึงเครียด อคติ การคิดล่วงหน้า เพิ่มความแม่นยำ แจ่มชัด บ่มเพาะความอ่อนโยน เปิดกว้าง และ “ตื่นรู้” “ฉับพลัน” ต่อความเป็นจริงในชั่วขณะที่คาดเดาไม่ได้ของชีวิต


สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน