สังฆะ : ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณตลอดชีวิต

บทความโดย วิจักขณ์ พานิช
ภาพประกอบโดย Nakkusu

เมื่อเราก้าวเข้าสู่ “สังฆะ” ในความหมายสูงสุดของไตรสรณคมณ์ เราไม่ได้เพียงแต่เข้าสู่ชุมชนหรือกลุ่มปฏิบัติธรรม แต่เรากำลังลงนามในปณิธานต่อตัวเอง — ปณิธานที่จะทำงานกับตัวเอง เดินไปบนเส้นทางธรรมด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

สังฆะจึงไม่ใช่เพียงการเข้าร่วมกลุ่ม แต่เป็น ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณตลอดชีวิต 

เราทำสัญญากับตัวเอง ว่าจะปฏิบัติตามคำสอน และยังคงอยู่ในเส้นทางแห่งการตื่นรู้ แม้ว่าเส้นทางนั้นจะเต็มไปด้วยความขรุขระและความท้าทาย

ก่อนจะเข้าร่วมสังฆะทางจิตวิญญาณเราจึงจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดี

อย่างในสมัยพุทธกาล การเข้าสังฆะไม่ใช่เรื่องที่ทำอย่างลวกๆ ตามๆ กัน หรือเพียงเพราะกระแสนิยม

การเข้าร่วมสังฆะหมายถึงการทบทวนและพิจารณาคำสอนอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าเราพร้อมจะเดินไปบนเส้นทางนั้นโดยไม่มีความลังเล และไม่หันหลังกลับ

การออกจากสังฆะในยุคพุทธกาล จึงเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะผู้ที่เข้าร่วมล้วนแต่ได้ใคร่ครวญชีวิตมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่ในกรณีที่มีผู้ละเมิดข้อตกลงของสังฆะอย่างร้ายแรง ก็จะถูกขับออกจากสังฆะเพื่อรักษาความบริสุทธิ์และความสงบของชุมชน

การอยู่ในสังฆะไม่ใช่การอยู่ในโลกที่ไร้ปัญหา ครูและกัลยาณมิตรอาจเกิดความไม่ลงรอยกัน เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในทุกสังคม

แต่ในสังฆะ การทะเลาะเบาะแว้งหรือผิดใจกันไม่ใช่เหตุผลที่จะออกจากสังฆะ

เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในสังฆะ ไม่ว่าจะเป็นระดับบุคคล ระดับระหว่างบุคคล หรือระดับชุมชน สิ่งสำคัญคือการมองปัญหานั้นเป็นโอกาสในการฝึกฝนและเรียนรู้จากความทุกข์และความไม่ลงรอยนั้น ตราบใดที่เรายังคงภาวนาอย่างมุ่งมั่น รักษาปณิธานต่อการตื่นรู้ไว้ และ พร้อมที่จะสื่อสารกันอย่างจริงใจ สังฆะก็จะยังคงเป็นพื้นที่ปลอดภัยแห่งการเรียนรู้และการเติบโตของทุกคน

หากสมาชิกสังฆะได้ประพฤติปฏิบัติผิดพลาด ออกนอกหนทาง ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี หนทางที่จะกลับสู่สังฆะอย่างสง่างาม ก็คือการ “ปวารณาตน” หรือ การประกาศและยอมรับข้อผิดพลาดชองตนเอง ให้สังฆะได้ร่วมรับรู้ เมื่อเปิดรับข้อตักเตือน หรือ feedback และตั้งมั่นว่าจะไม่ย้อนกลับไปทำผิดพลาดแบบเดิมอีก ปณิธานก็ได้รับการซ่อมแซม และการดำรงอยู่ตรงนั้นบนเส้นทางก็จะกลับมามั่นคงแข็งแรงอีกครั้ง

จะเห็นว่าสังฆะในอุดมคติ ไม่ใช่การเข้าๆ ออกๆ อย่างง่ายๆ การออกจากสังฆะ จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่การเดินออกจากกลุ่มหรือชุมชน แต่คือ การละทิ้งปณิธานที่เรามีต่อตัวเอง มันคือการกลับไปสู่วิถีเดิม — การแก้ปัญหาด้วยมุมมองของตัวตนที่แยกขาดจากกัน

การแก้ปัญหาแบบตัวตน คือการมองเห็นตัวเองและผู้อื่นเป็นศัตรู เป็นแหล่งแห่งปัญหา เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แทนที่จะมองว่า ทุกปัญหาคือกระจกสะท้อนของจิตใจเราเอง และนี่คือจุดที่เราต้องถามตัวเองว่า เรากำลังออกจากสังฆะเพื่อหลีกหนีความไม่สบายใจ หรือเรากำลังใช้สถานการณ์นี้เพื่อฝึกฝนและตื่นรู้?

ในสังฆะสมัยใหม่ที่คุณค่าของคำว่า “สังฆะ” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มนักบวชอีกต่อไป แต่หมายรวมถึง “กัลยาณมิตรที่ร่วมปณิธาน” สังฆะจึงไม่ใช่แค่กลุ่ม สถานที่ หรือชุมชน แต่คือ พื้นที่แห่งการเติบโตทางจิตวิญญาณ การเข้าร่วมสังฆะคือการลงนามในปณิธานต่อตัวเองอย่างลึกซึ้ง — ปณิธานที่จะไม่หลีกหนี ไม่ว่าสถานการณ์จะท้าทายเพียงใด

การออกจากสังฆะจึงไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการหันหลังให้กับคำสัญญาที่เรามีต่อตัวเอง

คำถามสำคัญคือ — เราพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายนั้นในฐานะผู้ฝึกฝน หรือจะหนีมันไปตลอดชีวิต?

+++++++++++++++++++++++++

หากท่านชอบบทความที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ vajrasiddha.com และต้องการสนับสนุนการทำงานของพวกเรา สามารถช่วยกันแชร์ คอมเมนท์ ติชม ได้ในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย วัชรสิทธาดอทคอม ดำเนินงานเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาอย่างไม่แสวงหาผลกำไร ผู้ที่ได้รับประโยชน์ และมีจิตศรัทธา สามารถสนับสนุนการดำเนินงานของเว็บไซต์ได้ที่ — ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกระบือ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิวัชรปัญญา” เลขที่ 053-3-67904-8

สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน