เชอเกียม ตรุงปะ : “simplifying, unlearning, undoing”

แปลและเรียบเรียงโดย ทีมงานวัชรสิทธา
ภาพประกอบโดย Nakkusu

การภาวนาช่วยให้ชีวิตเธอเรียบง่ายขึ้น มันคือการกระทำของการศิโรราบขณะที่เธอนั่งอยู่บนเบาะภาวนา จากนั้นด้วยการสัมพันธ์ตรงกับลมหายใจ ร่างกาย และจิตของเธอ เธอก็จะไม่มีปัญหาในการสื่อสารกับตัวเอง เมื่อเธอทำให้การภาวนาเรียบง่ายลงถึงระดับนั้น เธอจะไม่มีเป้าหมายหรือแผนการใดๆ อยู่ในใจ พุทธะแนะนำสิ่งนี้เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้ว และตั้งแต่นั้นมา ผู้คนนับล้านได้ปฏิบัติในแนวทางนี้ ประสบการณ์การภาวนาและความรู้ของพวกเขาได้ถูกส่งต่อลงมา และแต่ละรุ่นได้เพิ่มพูนความสมบูรณ์ครบถ้วนใหม่ๆ ให้กับกระบวนการฝึกนี้ การภาวนาคือที่ที่พลังงานการตรัสรู้ของชาวพุทธมาบรรจบพบกันด้วยความเต็มใจที่จะยอมศิโรราบต่ออัตตา นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างยิ่ง

เมื่อเราเริ่มปฏิบัติและเรียนรู้มากขึ้น เราอาจคิดว่าเราควรเติมลูกเล่นหรือประดับประดาตกแต่งทุกอย่างเข้าไปในการปฏิบัติของเราเพิ่มเติม นี่คือแนวทางของวัตถุนิยมทางจิตวิญญาณ มันดูน่าหลงใหลและมีประสิทธิภาพที่จะใช้เครื่องมืออุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อจัดการตบแต่งภายในบ้าน ในสำนักงาน แม้กระทั่งในทางจิตวิญญาณ หรืออื่นๆ ที่เราอาจมี สังคมอเมริกันมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเพียงพอแล้ว แต่กระนั้นเราก็ต้องการมากกว่านั้น ในระยะยาว แนวทางนั้นเป็นการสูญเปล่าและสร้างความโกลาหลเพิ่มขึ้น วินัยทางจิตวิญญาณไม่ได้เป็นเรื่องของการก้าวหน้า แต่เป็นเรื่องของการถอดถอนสิ่งที่เราได้สร้างไว้แล้ว เราไม่ได้พูดถึงการขยับขยายตัวเองให้กลายเป็นผู้ภาวนาที่ยิ่งใหญ่หรือมืออาชีพมากขึ้น แต่เราพูดถึงการภาวนาในฐานะ unlearning, undoing

เราควรตระหนักว่าวัตถุนิยมทางจิตวิญญาณก่อให้เกิดขยะ กลเม็ดทางจิตบางอย่างที่เชื่อมโยงกับการภาวนานั้นน่าอัศจรรย์และเหลือเชื่อเสียจนทำให้สงสัยว่าใครคิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา หรือบางทีอาจทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลงเมื่อเผชิญกับภูมิปัญญาที่ดูยิ่งใหญ่เช่นนั้น เรากำลังสะสมกล่องกระดาษที่บรรจุของทางจิตวิญญาณทีละกล่อง ๆ  เราซื้อของเหล่านี้มา เรานำมันกลับบ้านและเอาออกจากกล่อง แล้วเราก็พบว่าโรงรถของเราเต็มไปด้วยกล่องเหล่านั้น กล่องต่อกล่อง โดยมีป้ายติดอยู่ไว้มากมาย อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่ซับซ้อนเหล่านี้จำนวนมากเป็นแค่สิ่งของหรือขยะที่ถูกยัดเยียดให้เรา สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ unlearning, undoing, หรือ simplifying เลย

เราทุกคนล้วนเคยสร้างคอลเลคชันแบบนี้ขึ้นมา ในความเป็นจริงแล้ว หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราก็คงไม่สามารถมาสู่เส้นทางจิตวิญญาณได้ บางคนชอบสะสมของเก่า บางคนชอบสะสมของโบราณ บางคนชอบสะสมแสตมป์ เธอมีรูปแบบการสะสมของเธอเอง คอลเลคชันบางส่วนเหล่านี้อาจคุ้มค่า ในการปฏิบัติภาวนา เธอกำลังยอมศิโรราบต่อคอลเลคชันที่เธอได้สร้างขึ้น และกระบวนการนั้นอาจเป็นสิ่งจริงแท้และงดงาม ในทางกลับกัน บางครั้งเราก็ยึดติดกับคอลเลคชันของเราอย่างก้าวร้าว เพราะเราต้องการได้อะไรบางอย่างจากมัน

ในการปฏิบัติภาวนา จำเป็นต้องคิดอย่างสมเหตุสมผลและเป็นจริงเกี่ยวกับระบบนิเวศ มันดูเป็นระบบนิเวศอย่างมาก ไม่ต้องพูดเลยที่จะต้องหยุดสะสมของมากขึ้น มีขยะมากขึ้น มันจะย่ำแย่มากที่จะสะสมสิ่งของมากเกินไป มากเกินกว่าที่เราจะจัดการได้ นั่นจะเหมือนกับการตัดแบบฟอร์มคำสั่งซื้อจากนิตยสารที่มากเกิน เมื่อคุณกรอกแบบฟอร์มเล็กๆ จากโฆษณาในนิตยสาร มันอาจดูง่ายๆและไม่เป็นอันตราย แต่หลังจากที่คุณส่งไป สิ่งที่กลับมาหาคุณคือกล่องใหญ่ๆ ที่มุ่งหน้าไปสู่ถังขยะ

การปฏิบัติขั้นพื้นฐานของการภาวนา ณ จุดนี้เป็นเรื่องของ simplifying, unlearning, undoing เทคนิคสำหรับการปฏิบัติภาวนาที่พุทธองค์แนะนำไว้คือการทำงานกับการตระหนักรู้ในลมหายใจ วิธีนี้จะช่วยตัดผ่านการพล่ามของความคิดที่ไร้ประโยชน์ แนวทางนี้เรียบง่ายเสียจนกระทั่งการซุบซิบในจิตใต้สำนึกและเล่ห์เหลี่ยมของจิตเริ่มลดลง แค่อยู่กับลมหายใจของเธอ แค่อยู่กับร่างกายของเธอ นั่งลงโดยไม่ต้องพยายามคิดเรื่องอื่น แค่นั่งและอยู่กับลมหายใจของเธอ ปล่อยให้ลมหายใจเป็นความคิดของเธอ

เมื่อเธอใช้แนวทางเรียบง่ายหรือเกือบจะดูโง่เง่านี้ ประสบการณ์เชิงอภิปรัชญา ปรัชญา และสิ่งที่ดูเหมือนลึกลับทุกประเภทอาจถาโถมมาหาเธอในรูปของความคิดระหว่างการภาวนา แล้วยังไงล่ะ ก็แค่ปล่อยให้มันเป็น แค่มองมันเป็นขยะ แต่ไม่ใช่ในแง่ของการดูแคลนว่ามันชั่วร้าย คุกคาม และไม่บริสุทธิ์ แค่มองคอลเลคชันความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เป็นขยะเพิ่มเติม นั่นคือจุดเริ่มต้นสำหรับการปฏิบัติภาวนา ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการถอดถอนขอบเขตของอัตตา

อัตตาพยายามสร้างและรักษาความมั่นคงของมันอย่างต่อเนื่องผ่านการพูดคุยที่ไม่หยุดหย่อนของความคิด กระบวนการคิดอย่างต่อเนื่องของเรา กระบวนการนั้นทำให้ตัวมันเองไม่ว่าง และมันช่วยให้เธอสร้างตัวเธอเองอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ของจิตเธอยังคงทำงานเพราะเธอได้เทเชื้อเพลิงของจิตคิดเข้าไปเป็นเวลานาน หากเธอไม่เทเชื้อเพลิงเพิ่ม หรือหากเธอไม่ไหลตามกระบวนการคิดใดๆ อัตตาก็จะเริ่มอดอยาก มันไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นหรือทัศนคติพื้นฐานในการเริ่มปฏิบัติภาวนา การคว่ำบาตรอัตตา ไม่ใช่ในฐานะผู้ร้ายหรือศัตรู แต่เพียงแค่ไม่ให้เชื้อเพลิงใดๆ แก่มัน ปล่อยให้อัตตามีวิกฤตพลังงาน นั่นคือแนวทางพื้นฐานที่พุทธะพัฒนาขึ้น และยังคงทันสมัยอยู่

สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน