ในปี 2566 นี้ มูลนิธิวัชรปัญญากำลังดำเนินโครงการระดมทุนเพื่อสร้างศูนย์สุขภาวะและชุมชนภาวนาขึ้น ในชื่อ “ปัทมคาระ” โดยจะตั้งอยู่บนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจทั้งในมุมของประวัติศาสตร์ จิตวิญญาณ พลังงาน และธรรมชาติ โดยศูนย์แห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งแรกที่เป็นของมูลนิธิฯ
ช่วงเวลาที่ผ่านมากว่า 7 ปี กลุ่มสังฆะและผู้คนที่สนใจการปฏิบัติในแนวทางของวัชรสิทธาอาจจะคุ้นเคยกับการย้ายสถานที่เพื่อฝึกปฏิบัติอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนถึงค่ายเยาวชนดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่เหล่านั้นบางแห่งเป็นวัด บางแห่งเป็นค่าย ลานกางเต้นท์ ฯลฯ ซึ่งทุกแห่งล้วนมีจุดร่วมเดียวกันคือความใกล้ชิดกับธรรมชาติ อันเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการฝึกฝนปฏิบัติ
แต่พื้นที่เหล่านั้นทั้งหมด ก็ยังไม่ใช่พื้นที่ที่ “ออกแบบ” มาเพื่อให้ฆราวาสเข้าไปอยู่อาศัยและฝึกฝนปฏิบัติตลอดทั้งปี มูลนิธิวัชรปัญญาจึงเห็นความสำคัญของการสร้าง Retreat Center ของเราเองขึ้นมา เพื่อเป็นพื้นที่ให้กับฆราวาสที่ต้องการฝึกฝนระยะยาว รวมถึงสร้างความยั่งยืนในการก่อตัวขึ้นของชุมชนผู้ปฏิบัติภาวนา
หากมองในมุมศาสนา การมีพื้นที่ปฏิบัติของสังฆะเองก็อาจจะมีส่วนคล้ายคลึงกับการสร้างวัด แต่ความพิเศษของปัทมคาระคือการให้ความหมายกับ “วัดฆราวาส” ซึ่งแทนที่จะเป็นสถานปฏิบัติของนักบวชเพียงกลุ่มเดียว ปัทมคาระจะสามารถเปิดให้ผู้ปฏิบัติเพศฆราวาสที่ต้องการฝึกฝนปฏิบัติเข้ามาใช้งานพื้นที่ได้อย่างเต็มที่
ในต่างประเทศ Retreat Center หรือพื้นที่ปฏิบัติที่มีลักษณะเป็นวัดฆราวาส มีอยู่ทั่วไปและเป็นที่คุ้นเคยของผู้คน โดยเฉพาะใน “พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ต่างๆ ทั่วโลก เช่น เมือง Boulder รัฐ Colorado ประเทศสหรัฐอเมริกา เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย พื้นที่เหล่านี้มักจะมีนักแสวงหาเดินทางไปเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ บนความศรัทธาถึงความพิเศษในเชิงพลังงาน ความสงบ หรือความรุ่มรวมทางธรรมชาติ จนทำให้มีการต่อยอดไปสู่การสร้างอาคารถาวร เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติระยะยาว
การเข้า Retreat ในศูนย์แต่ละแห่งจะมีเงื่อนไขหรือกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้า-ออก การแต่งกาย ตารางกิจกรรม รวมถึงเอกลักษณ์หรือวัฒนธรรมของชุมชนบริเวณที่ตั้งของศูนย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์และความท้าทายที่ผู้ปฏิบัติจะต้องเรียนรู้และให้ความเคารพ โดยมีมุมมองต่อเงื่อนไขเหล่านั้นในฐานะบทเรียน-แบบฝึกหัด ที่จะทำให้ผู้ฝึกตนเติบโตขึ้นทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ประโยชน์ของ Retreat Center ที่เป็นของฆราวาสนั้นมีอยู่มากมาย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการเป็นสถานที่ฝึกฝนปฏิบัติที่ไม่แยกขาดระหว่างทางโลกและทางธรรมอย่างสิ้นเชิง เพราะในที่สุดแล้ว ผู้ที่ครองเพศฆราวาสก็จะต้องกลับไปสัมพันธ์กับชีวิตทางโลกของตัวเอง การเป็นวัดฆราวาสจึงเป็นเรื่องของสมดุลทางจิตวิญญาณและโลกวิสัย ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ฝึกตนได้เรียนรู้การภาวนาในมิติที่ต่างออกไปจากวัดของนักบวช
นอกจากนี้ Retreat Center ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยให้เราได้หยุดพักจากชีวิตประจำวันอันคุ้นเคย เปลี่ยนสภาพแวดล้อม บรรยากาศ เป้าหมายในชีวิต (แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ) เพื่อที่จะเปิดรับเอาวิถีปฏิบัติ รูปแบบชีวิต วิธีคิดใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประตูที่พาเราเปิดเข้าไปสู่การทำความเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง การเฝ้าสังเกตความคิดและอารมณ์ของตัวเองบนความเรียบง่าย ซึ่งอาจทำให้เราได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการในการ “เชื่อมต่อ” หรือ “สัมพันธ์” กับสิ่งต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอก ที่ชีวิตในเมืองทำให้เราหลงลืม
มากไปกว่าการเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะเข้ามาฝึกฝนพัฒนาตัวเองบนเส้นทางจิตวิญญาณแล้ว Retreat Center ในแต่ละแห่งก็มักจะมีพันธกิจต่อสังคมและชุมชนใกล้เคียง อย่างน้อยที่สุดคือการเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ เพราะไม่ว่า Retreat Center แห่งนั้นจะมีรูปแบบการฝึกฝนอย่างไร การสัมพันธ์กับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้บนเส้นทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ตัวศูนย์เองก็ยังสามารถเปิดพื้นที่เพื่อสร้างประโยชน์และการมีส่วนร่วมให้กับชุมชนใกล้เคียงได้ตามโอกาสที่เหมาะสม
ด้วยคุณประโยชน์นานัปการของ Retreat Center ศูนย์ปัทมคาระ จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นช่องทางของฆราวาสทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในการเข้ามาใช้พื้นที่เพื่อฝึกฝนหรือแสวงหาเป้าหมายทางจิตวิญญาณของตัวเอง และพลิกเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ดำเนินอยู่บนกระแสของโลกยุคปัจจุบันที่มุ่งเน้นความสำคัญของชีวิตภายนอก ให้กลับมาสู่คุณค่าภายใน ซึ่งไม่มากก็น้อยย่อมส่งผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับชีวิต
ร่วมสนับสนุนโครงการ ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี
บัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาเทเวศร์ ประเภทออมทรัพย์
“โครงการศูนย์ปัทมคาระ โดย มูลนิธิวัชรปัญญา”
เลขที่ 151-8-92013-4