บทความโดย ปีเตอร์ เลอวีน
เรียบเรียงโดย ทีมงานวัชรสิทธา
“ทรอม่า” คือสาเหตุของความทุกข์ของมนุษย์ที่ถูกเพิกเฉย หลีกเลี่ยง ปฏิเสธ เข้าใจผิด และไม่ได้รับการใส่ใจมากที่สุด เมื่อเราใช้คำว่า “ทรอม่า” เรากำลังชี้ไปยังอาการที่ไม่อาจควบคุมได้ที่ผู้คนทุกข์ทนจากประสบการณ์อันท่วมท้น “แทบเอาชีวิตไม่รอด” การใช้คำว่าทรอม่าพร่ำเพรื่อ เช่น ฉันรู้สึกทรอมาไทซ์จากรถติดวันนี้ เป็นอะไรที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อคำคำนี้ไปมาก เพราะในขณะที่ทุกเหตุการณ์ทรอม่ามีความตึงเครียด แต่ทุกเหตุการณ์ตึงเครียดไม่ได้นำไปสู่ทรอม่า
เมื่อพูดถึงทรอม่า เราไม่อาจเหมารวมได้เลย แม้แต่เด็กสองคนที่โตมาในครอบครัวเดียวกัน สิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดูเหมือนกันทุกอย่าง ก็อาจมีประสบการณ์ทรอม่าไม่เหมือนกัน มีปัจจัยมากมายที่ทำให้ปฏิกิริยาที่เราแต่ละคนมีต่อภัยคุกคามต่างกัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม พลวัตของครอบครัว ประวัติศาสตร์ที่คนคนนั้นมีต่อทรอม่า และอื่นๆ (ซึ่งในพุทธ อาจบอกว่า ขึ้นกับกรรมแต่ละคน) แต่หากจะมองอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน “ประสบการณ์ในวัยเด็ก” บางประเภทสามารถบั่นทอนอย่างร้ายแรงต่อศักยภาพในการเผชิญและดำรงอยู่ในโลกของเราแต่ละคน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เรามีต่อพ่อกับแม่ ซึ่งความเข้าใจนี้จะเพิ่มความเห็นอกเห็นใจและการเกื้อหนุน แทนที่จะเป็นการตัดสินอย่างรุนแรงต่อทั้งตัวเราเองและผู้อื่น
ประสบการณ์บางอย่างที่เรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ ในชีวิต อาจเป็นอะไรที่ท่วมท้นมากๆ ต่อเด็กที่ยังไม่ประสีประสาต่อโลก คำพูดบางประเภท แรงกดดัน อารมณ์ และพลวัตที่เกิดขึ้นในครอบครัว และความเข้าใจลักษณะเดียวกันนี้ก็ขยายไปสู่การเข้าใจทรอม่าจากสถานการณ์อื่นๆ เช่น ทหารที่กลับมาจากการสู้รบในสงคราม เหยื่อที่รอดชีวิตจากการข่มขืนหรือความรุนแรงในครอบครัว หรือผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บรุนแรง และบ่อยครั้ง การต้องเจอเรื่องราวหนักๆ ทางอารมณ์อย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็อาจสร้างบาดแผลทางใจต่อคนคนนั้นได้ เช่น
– อุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียงที่ดังมากๆ
– ผ่าตัด, ทำฟัน, ทำคลอด
– สูญเสียคนรัก ถูกนอกใจ หรือถูกด่าทอด้อยค่า
– ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว หรือ พายุเฮอริเคน
แม้แต่การตกจักรยานก็อาจเป็นเหตุการณ์ที่ท่วมท้นต่อเด็กคนนึงได้ ดังนั้นสิ่งที่อย่างจะบอกก็คือ เราแทบทุกคนล้วนมีประสบการณ์ทรอม่าในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
การแสดงออกของทรอม่าอาจชัดเจนหรือไม่ชัดเจนก็ได้ บางทีก็ไม่แสดงออกเลยเป็นปีๆ ยกตัวอย่างเช่น ทหารผ่านศึกอาจตกใจแบบตัวโยนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพลุหรือประทัด เพราะร่างกายยังคงตอบโต้ต่อเสียงปืนที่เขาเคยเจอมาในอดีต หรือบางคนอาจรู้สึกทุกข์ทรมาน เหงื่อแตกทั้งตัว เมื่อต้องเข้าไปที่แคบๆ ทว่าสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่รู้สึกท่วมท้นจากการต้องเจอเหตุการณ์ที่ไม่ได้รุนแรงนักแต่ต่อเนื่องยาวนาน ก็อาจมีปฏิกิริยาทรอม่าที่ไม่ได้ชัดเจนนัก
อาจพอสรุปได้ว่า ทรอม่าเกี่ยวข้องกับการสูญเสีย connection ต่อตัวเอง ต่อร่างกาย ต่อครอบครัว ต่อผู้คน และต่อโลกรอบตัว การสูญเสียการเชื่อมต่อและสายสัมพันธ์นี้บางทีก็ยากที่จะสังเกต เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นในทีเดียว แต่รู้ตัวอีกที เราก็ตัดขาดและสูญเสียความไว้วางใจไปแล้ว โดยที่เราเลือกที่จะปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งนี้โดยไม่ทันสังเกตหรือรับรู้มันเลยด้วยซ้ำ นี่คือผลกระทบที่ซ่อนตัวอยู่ของทรอม่า ที่เราไม่ดีลด้วยตรงๆ กระทั่งกลายเป็นการเก็บซ่อนเอาไว้ในตัวเอง เราอาจพอรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่รู้สึกไม่ค่อยโอเค แต่ก็ไม่ได้ให้เวลาในการตระหนักรู้กับมันอย่างจริงจัง ซึ่งพอทำเช่นนี้บ่อยๆ เข้า ทรอม่าก็ฝังอยู่ในร่างกายและจิตใจลึกลงไปๆ และมันก็จะเริ่มส่งผลต่อชีวิตเราโดยที่เราไม่รู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ความรัก ความสัมพันธ์ สุขภาพ หรือความเชื่อมโยงกับชีวิต
ทางเลือกของเราจะถูกจำกัดลงไปเรื่อยๆ เมื่อเราหลีกเลี่ยงความรู้สึกบางอย่าง (หรือ ผู้คน สถานการณ์ สถานที่) ผลลัพธ์ของการหดแคบลงของอิสรภาพอย่างช้าๆ เช่นนี้ คือ การสูญเสียชีวิต (ชีวา) และศักยภาพของการเติมเต็มชีวิตที่เราปรารถนา เรารู้สึกเหมือนถูกจองจำอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด อยากจะไปจากตรงนี้ก็ไปไม่ได้ อยากจะรักกว่านี้ก็รักไม่ได้ อยากจะทำสิ่งนี้ก็ทำไม่ได้ อยากจะรู้สึกก็รู้สึกไม่ได้ อยากจะหลุดพ้นจากนิสัยเดิมๆ ก็หลุดพ้นไม่ได้ จนกว่าเราจะทำงานกับประสบการณ์เหล่านั้นที่ยังติดค้างอยู่ในร่างกายและจิตใจของเราอย่างอ่อนโยนและกล้าหาญด้วยการตระหนักรู้
+++++++++++++++++++++++++
หากท่านชอบบทความที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ vajrasiddha.com และต้องการสนับสนุนการทำงานของพวกเรา สามารถช่วยกันแชร์ คอมเมนท์ ติชม ได้ในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย วัชรสิทธาดอทคอม ดำเนินงานเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาอย่างไม่แสวงหาผลกำไร ผู้ที่ได้รับประโยชน์ และมีจิตศรัทธา สามารถสนับสนุนการดำเนินงานของเว็บไซต์ได้ที่ — ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกระบือ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิวัชรปัญญา” เลขที่ 053-3-67904-8