Meditation with Gratitude โดย วิจักขณ์ พานิช
เรียบเรียงจาก กลุ่มภาวนาสังฆะปฏิบัติ 30 พฤศจิกายน 2564 โดย ปุ้ย พรทิภา จันทรพราม
วันนี้เราจะมาฝึกสิ่งที่เรียกว่า “การรู้สึกขอบคุณ” หรือ “ความซาบซึ้งใจ” (Gratitude)
Gratitude แปลเป็นไทยให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้ยากมาก
คำภาษาไทยว่า “กตัญญู” นั้นดูจะไม่สื่อถึงประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่ามีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณลักษณะหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง จากก้นบึ้งของหัวใจ เราอาจเรียกประสบการณ์นั้นว่า “ความซาบซึ้งใจ” ก็ได้
ในหนังสือ Already Free บรูซ ทิฟต์ ชี้ให้เห็นว่า Gratitude เป็นอีกท่าทีหนึ่งของมุมมองแบบยอมรับผล ทั้งหมดทั้งปวงที่เป็นผลของสิ่งที่เกิดขึ้นจากอดีต เรายอมรับทั้งหมด เราไม่ขอปฏิเสธหรือไม่ผลักอะไรออก แล้วเราก็อยู่กับสถานการณ์ตรงนั้น หรือชีวิตที่เป็นเช่นนั้นโดยสมบูรณ์ และเต็มที่
การรู้สึกขอบคุณเช่นนี้เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณอันทรงพลัง มันไม่ได้เกิดจากการเลือกปฏิบัติ หรือมุมมองแบบทวิลักษณ์ ตรงกันข้าม มันคือประสบการณ์ของการศิโรราบและยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างไม่มีเงื่อนไขในแบบหนึ่ง
ในการภาวนา เราเริ่มต้นด้วยการค่อยๆ ปล่อยจากแรงต้าน ดราม่า การขัดขืน แล้วกลับมาสู่ Sense ของการยอมรับ เปิดรับ การที่เราสามารถอุ้มความตึงแย้งทางอารมณ์ จะค่อยๆ พาเราไปสัมผัสกับประสบการณ์ของ Gratitute ในฐานะการรู้แจ้ง
จะเป็นเช่นไรถ้าเราจะต้องมีสภาวะทางอารมณ์อันนี้อยู่ในชีวิตของเราไปทั้งชีวิต?
จะเป็นอย่างไรถ้าเราจะต้องมีคนคนนี้อยู่ในชีวิตเราทั้งชีวิต?
ขอให้เราลองเชื้อเชิญประสบการณ์ที่ยากเข้ามาโดยไม่ถอยหนี
อาจจะยากหน่อย แต่มันโอเคมากๆ
ลองโน้มเข้าหามันด้วยท่าทีแบบยอมรับผล
…ไร้เงื่อนไข
จากนั้นลองอยู่กับ sense ของการอยู่ตรงนั้น
ยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างสง่างามและกล้าหาญ
แล้วค่อยๆ บ่มเพาะความรู้สึกขอบคุณ หรือ gratitude
เป็นการรู้สึกขอบคุณแบบไม่ได้ตีความ เรายังคงอยู่กับความปั่นป่วน, ความรู้สึกถูก Trigger, ความรู้สึกของ Tension, ความรู้สึกของการที่มันไม่สามารถจะลงรอยกันได้ เป็น Sense ของ Gratitude ด้วยความรู้สึก Vulnerable ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมอะไรให้เป็นอย่างที่เราต้องการได้เลยสักอย่าง
แต่เราก็ยังคงรู้สึกถึง Gratitude ว่ามันมีอะไรบางอย่างของการอยู่ตรงนี้ กับประสบการณ์นี้ที่เรารู้สึกซาบซึ้งต่อการดำรงอยู่ที่นี่ ตรงนี้ จริงๆ
จะพูดว่าเรารู้สึกขอบคุณคนคนนั้น มันก็อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากเสียทีเดียวนัก แต่กระบวนการทั้งหมดที่เราอยู่กับ discomfort อันนี้ ลองพิจารณาว่า “มันฆ่าเราจริงๆ หรือเปล่า?” “มันทำร้ายเราจริงๆ ไหม?” “มันทำให้สุขภาพเราเสื่อมทรุด หรือจะทำให้เราเป็นมะเร็งไหม?” “การรู้สึกเช่นนี้ในชีวิตมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ หรือเปล่า?” จากนั้นก็พาเค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา ให้เค้าอยู่กับเราทั้งชีวิต แล้วเราจะไปต่ออีก Step นึงได้ไหมที่เรารู้สึกถึง Gratitude
“ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีความรู้สึกนี้”
“ฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้เจอกับประสบการณ์นี้”
มันอาจจะทำให้เรารู้สึก เชื่อมต่อ กับชีวิตอีกมากมายที่ต้องอยู่กับสถานการณ์ที่ยากเช่นเดียวกันนี้ สถานการณ์ที่ discomfort แบบนี้, สถานการณ์ที่ลึกๆ แล้วอยากจะหนี อยากจะวิ่ง อยากจะไปหาสิ่งที่ดีกว่า มันอาจเกิดเป็นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ อาจเกิดเป็นความรู้สึกเชื่อมต่อ เป็นความเข้าอกเข้าใจ ความอ่อนโยน ความรัก ความรู้สึกเปราะบาง แล้วในความเปราะบางนั้น ก็เกิด Sense ของ Gratitude
ลองถามตัวเองตอนนี้…
เรารู้สึกขอบคุณอะไรบ้างกับการที่เราต้องอยู่ในสถานการณ์นี้ ตอนนี้
เรามีความรู้สึก Gratitude อะไรบ้างกับการที่ต้องอยู่กับประเทศนี้, สังคมแบบนี้, ผู้คนที่ trigger เรามากมาย, ผู้นำประเทศ, รัฐบาล, สถาบัน เรามองเห็นความรู้สึก Gratitude อะไรในใจเราบ้างหรือเปล่า
เป็น Gratitude ไม่ใช่ต่อความสุข ความสมหวัง แต่ต่อการอยู่กับปัจจุบันขณะ ในเนื้อในตัว ที่นี่ และเดี่ยวนี้
เป็น Gratitude ที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก ในยุคสมัยนี้ ในตอนนี้ ได้อยู่ร่วมในสถานการณ์นี้ มีส่วนร่วมอยู่ในความสัมพันธ์เหล่านี้
ลองรับรู้ถึง Gratitude ของสิ่งละอันพันละน้อยที่เอื้ออิงอาศัยกัน
รู้สึกขอบคุณ ไม่ปฏิเสธสิ่งใด
สังเกตสภาวะที่เกิดขึ้น มันเป็น Gratitude ที่แปลกมากเลย เหมือนกับมี chaos น้อยๆ อยู่ข้างใน มีความตึงเครียดน้อยๆ ไม่ได้ราบเรียบ ลงรอยกันเสียทีเดียว ท่าทีของเราคือการที่เราอุ้มความรู้สึกทั้งหมดโดยที่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะต้องแก้ไขลงรอยกันได้ เป็นความรู้สึกของการที่เราไม่ได้กันอะไรออกไปเลยแม้แต่อย่างเดียว
ลองรับรู้ถึง sense ของ Gratitude ความรู้สึกขอบคุณอันนี้ กับชั่วขณะนี้
ขอบคุณตั้งแต่สิ่งเล็กๆ ที่เราตระหนัก การมีร่างกายมนุษย์ การที่เราสามารถสัมผัสรับรู้สิ่งต่างๆ การที่เราได้ฝึกด้วยกัน อยู่ร่วมกัน เรียนรู้ด้วยกัน การที่เรายังมีชีวิต มีการงาน มีคนที่เรารักและรักเราอยู่รอบๆ ตัวเรา การที่เรารู้สึกสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ตอนนี้ การที่เรารับรู้สิ่งนี้ร่วมกับผู้คนอีกมากมายที่เขาก็รู้สึกด้วย การที่เรายังคงเป็นส่วนหนึ่งในการส่งพลังที่สร้างสรรค์ พลังแห่งสติสัมปชัญญะ พลังแห่ง Sanity
Gratitude ที่ประกอบด้วยพลังงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตข้างในของเรา การทำงานภายในของเรา สิ่งสำคัญไม่ใช่การอธิบายว่ามันคืออะไร ดีหรือไม่ดี มีความหมายต่อเราเช่นไร แต่ลองอนุญาตให้ความรู้สึกของ Gratitude เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แทนที่จะไปมัวหมกมุ่นอยู่กับดราม่าหรือความคิดลบๆ
ถ้าไม่มีความรู้สึก Gratitude ใดๆ เกิดขึ้นเลย ก็ให้ยอมรับว่าไม่มีความรู้สึก Gratitude ใดเกิดขึ้นเลย
แล้วถ้าใครที่สามารถรู้สึกถึง Gratitude รู้สึกขอบคุณอย่างลึกซึ้ง รู้สึกเชื่อมต่อกับผู้คนอย่างลึกซึ้ง ก็อนุญาตให้หัวใจได้โบยบินไป อย่างไม่ต้องคำนึงถึงหลักการเหตุผลมากนัก
ลองขยาย sense ของ Gratitude ออกไปอีก กับสถานการณ์ที่นี่ ตอนนี้ ที่เราไม่สามารถหนีไปไหน หรือที่เราไม่อยากที่จะไปไหน ขอให้อยู่ตรงนี้ ที่นี่ อย่างเต็มที่
ลองขยายกายของ Gratitude ราวกับกำลังแผ่ความรัก ความเมตตา ให้กับเพื่อนมนุษย์ ให้กับสรรพสัตว์ทั้งปวง
แล้วหลอมรวมเป็นหนึ่งกับ space อันกว้างใหญ่ …ไพศาล