มิลาเรปะ กับการปลดปล่อยวิญญาณร้ายอย่างเป็นกุศล

บทความโดย วิจักขณ์ พานิช

มิลาเรปะ กับบทเพลงอันโด่งดังของเขา “The Hundred Thousand Songs of Milarepa”

ด้วยความที่ช่วงชีวิตก่อนจะเจอกับคุรุมาร์ปะ มิลาเรปะพาตัวเองไปไกลสุดกู่กับความหลงผิดในตัวตน ขับเคลื่อนด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังแห่งอวิชชา กระทั่งกลายเป็นไฟทำลายล้างฆ่าคนในหมู่บ้านไปนับไม่ถ้วน แรกเริ่มมิลาเรปะมองการปฏิบัติธรรมเป็นกลวิธีในการจัดการปัญหา หนทางในการพาตัวเองให้รอดจากบาปกรรมและความชั่วร้ายที่กระทำ ทว่าเมื่อได้พบครูผู้เมตตา มาร์ปะตบมิลาเรปะให้ตื่น และพาเขากลับเข้าสู่หนทางศิโรราบต่อผลกรรม

มิลาเรปะนำคำสอนที่ได้รับจากมาร์ปะ เข้าสู่การภาวนาปลีกวิเวกตลอดชีวิตในถ้ำของเขา ธีมหลักของชีวิตภาวนาของมิลาเรปะ คือการต้องเจอกับวิญญาณร้ายหรือภูติผีที่ตามมาหลอกหลอนครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่ได้ขับไล่หรือปราบมันด้วยความโกรธเกลียดอีกแล้ว แต่ใช้ปัญญาของธรรมะ เพื่อช่วยเหลือวิญญาณเหล่านั้นให้ปลดเปลื้องจากความหลงผิดในกิเลสและตัวตน

ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนมาก อยู่ในตอนที่มิลาเรปะเผชิญกับเหล่าวิญญาณร้ายใน “Song to Pacify the Demons” บทเพลงนี้ขับร้องขึ้นเพื่อสื่อสารประสบการณ์ที่เขาสามารถแปรเปลี่ยนความหวาดกลัวต่อปีศาจอสุรกาย ให้กลายเป็นศรัทธาอันไม่หวั่นไหวต่อธรรมะ

Song to Pacify the Demons
by Milarepa

“I bow down at the feet of my gracious Guru.
Ghosts and demoทs, please listen to me :
I am Milarepa, the yogi who practices the Dharma.
The root of demons is nothing but thoughts.
When you know the true nature of thoughts,
There is no external demon to fight.
Thoughts arise and dissolve within the mind itself.
Mind itself is the luminous void.
O ghosts and demons, your deluded minds
Are empty in their very nature.
Realize this, and you are free.”

บทเพลงเพื่อปลดปล่อยวิญญาณร้าย

“ข้าขอกราบแทบเท้าคุรุ (มาร์ปะ) ผู้เปี่ยมเมตตา
เหล่าภูติผีปีศาจทั้งหลาย โปรดเงี่ยหูฟังเถิด
ข้า โยคีมิลาเรปะ ผู้ฝึกฝนในธรรมะ
รากเหง้าของวิญญาณร้ายทั้งปวง คือความคิดเท่านั้น
เมื่อรู้ซึ้งถึงธรรมชาติแท้จริงของความคิด
ย่อมไม่มีปีศาจภายนอกให้ต้องต่อสู้
ความคิดล้วนเกิดขึ้นและสลายไปเองในจิต
จิตนี้เอง คือความว่างอันเรืองรอง
โอ้ เหล่าภูติผีปีศาจ จิตอันหลงผิดของพวกเจ้า
มีธรรมชาติคือ ความว่างเปล่า โดยแท้
เพียงรู้แจ้งสิ่งนี้ เจ้าจักเป็นอิสระ”


มิลาเรปะ แสดงธรรมแก่ภูติผีวิญญาณร้าย ไม่ใช่ด้วยการขับไล่หรือทำลาย เขาชี้ให้เห็นว่า “ปีศาจ” ทั้งปวง จริงๆ แล้วเกิดขึ้นในจิต จากอวิชชาและความคิดของตนเองทั้งสิ้น เมื่อเข้าใจธรรมชาติของจิต ก็จะไม่มีดีหรือร้าย ถูกหรือผิด ไม่มีเทวดาหรือปีศาจให้ต่อสู้อีก การภาวนาคือหนทางอันเปี่ยมด้วยเมตตาและปัญญา ดังที่คุรุมาร์ปะพร่ำสอนเขา มันคือความสัมพันธ์ ความกล้าหาญ “การอยู่ตรงนั้น” กับสภาวะใดก็ตามที่เกิดขึ้นในจิตด้วยความเปิดกว้าง อนุญาตให้การปลดปล่อยตัวเองเกิดขึ้นได้ด้วยความวางใจในธรรมะ แปรเปลี่ยนความมืดมนหวั่นไหว ให้กลายเป็นปัญญาสว่างไสวเรืองรองของการรู้แจ้งใน “ธรรมชาติ”


สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน