อัญชลี คุรุธัช : รำลึกถึงพระรัตนตรัย ผ่านชีวิตและการจากไปของอาจารย์ตุล


เราไม่ได้เป็นเพื่อนกับอาจารย์ตุล ไม่ใช่ลูกศิษย์ลูกหา ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน และจริงๆ แล้วเราเพิ่งรู้จักอาจารย์ตุลเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เราได้พบกับอาจารย์ตุลครั้งแรกที่พิธีเปิดอวโลกิตะเมื่อเดือนเมษายน ปี 2565 อาจารย์ตุลกับเราไม่เคยใช้เวลาร่วมกัน หรือสนทนาอะไรกันจริงจัง แต่เราต่างก็รู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายหนึ่ง ผ่านเพื่อนรักของเราเป็นตัวกลาง คือ วิจักขณ์

สิ่งที่เรารู้จักเกี่ยวกับอาจารย์ตุล ก็มาจากการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนผู้ดูแลอวโลกิตะ แน่นอนเราชื่นชมอาจารย์ตุลเสมอมาว่าเป็นคนที่มีความรู้ เป็นผู้ที่มีศิลปะวิชา มีความสามารถรอบด้าน แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา คือรู้ว่าอาจารย์ตุลเป็นเพื่อนที่ประเสริฐ เป็นกัลยาณมิตรที่แท้ ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากอาจารย์ตุลเสียชีวิตไป ความรัก ความเคารพ ความอาลัย #คิดถึงอาจารย์ตุล ของผู้คนมากมาย มันยิ่งใหญ่และงดงามยิ่งนัก



เมื่อวันที่ 13 ธันวาที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปร่วมงานฉลอง 40 ปีของอาศรมวงศ์สนิท จะเรียกว่าเราติดรถไปกับวิจักขณ์และอาจารย์ตุลก็ว่าได้ เรารู้ว่าสองคนจะไปทำพิธีให้กับสถานที่ ส่วนเราก็ตั้งใจจะไปนั่งเป็นผู้ร่วมงาน แต่แล้วเราก็กลายไปเป็นผู้ร่วมทำพิธี สำหรับคนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เรารู้สึกแปลกใจว่าแล้วเราจะทำอะไรได้ แต่ดูไม่มีใครกังวลอะไร แล้วพิธีก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งเป็นไปตามขั้นตอน มีความงดงามความศักดิ์สิทธิ์ หลังพิธีเราร่วมรับประทานอาหารเย็นกัน พอฟ้ามืดก็เดินทางกลับกรุงเทพ มาถึงแถวแถวศิริราช ก็ไปกินอาหารรอบดึกด้วยกันอีกมื้อที่ร้านข้าวต้มยู่เฮง วันนั้นคือเวลา 10 ชั่วโมงที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับอาจารย์ตุล สิ่งที่เราสัมผัสได้ คือรอยยิ้มที่อ่อนโยน น้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มนวลของอาจารย์ตุล ความไว้วางใจในตัวผู้อื่นในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กังวลว่าแผนเดิมต้องล้มไปและมีตัวแปรใหม่เข้ามาแทน อาจารย์ตุลดูเหมือนไม่มีความกลัวว่างานจะได้รับผลกระทบหรือจะต้องมาคอยควบคุมกำกับว่าอะไรจะต้องเป็นอย่างไร อาจารย์ตุลเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในการบูชาและจริงใจอย่างที่สุดกับกระบวนการนั้น และสุดท้ายอาจารย์ตุลเป็นคนที่มีความสุขได้ในความเรียบง่าย ทั้งหมดนี้ทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความสบายใจ ซึ่งสิ่งนี้เป็นอะไรที่มีคุณค่ามาก การได้นั่งกินข้าวกับอาจารย์ตุลอย่างเอร็ดอร่อย มันดีต่อใจมาก

สิ่งที่เราได้เห็นในเวลาหนึ่งวันเมื่อสองเดือนที่แล้ว เป็นแค่เศษเสี้ยวของการดำรงอยู่ของผู้ยิ่งใหญ่ แค่เวลาวันเดียวนั้นอาจารย์ตุลแสดงให้เราเห็นว่าชีวิตที่มีคุณค่าคืออะไร คือการอยู่กับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าอย่างมีศรัทธาและเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันเป็นไป มีความจริงใจกับสถานการณ์กับสิ่งที่กำลังทำ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาตัวเราเองสูญเสียคนใกล้ชิดที่มีความหมายต่อชีวิตและตัวตนมากที่สุด แรงกระเพื่อมของการจากไปอย่างไม่คาดคิด มีผลสะเทือนต่อจิตใจและจิตสำนึก หากนับรวมถึงอาจารย์ตุลด้วย ทั้งสามคนที่จากไป เป็นคนที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคม และต่อคนใกล้ชิด ทั้งอย่างลึกและอย่างกว้างไพศาล ความสูญเสียเหล่านี้คือ พร ให้เราได้ตระหนักถึงธรรมชาติของการเกิดขึ้น มีอยู่ และดับไป หากจะเทียบกับพระรัตนตรัย คนแรกที่เสียไปคือธรรมาจารย์เซน ที่เป็นผู้นำเราเข้าสู่การทำงานพุทธศาสนาเพื่อสังคม สำหรับเราแล้วเขาเป็นพระพุทธะ เป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับสรรพชีวิต เพื่อทุ่มเทให้กับคนที่ทุกข์ยาก ส่วนคนที่สองที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้วคือคนในครอบครัว การจากไปอย่างไม่มีใครคาดคิดของเขา เป็นเสมือนธรรมะที่กระตุกให้เราตื่นรู้ ถึงความไม่แน่นอนอันเที่ยงแท้ ส่วนสำหรับอาจารย์ตุล ที่เรามองคือสังฆะ เราเห็นความเข้มแข็งของสังฆะ เห็นความสำคัญของการมีชุมชนผู้ปฏิบัติที่ร่วมเดินบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

ท้ายสุดนี้คือเราขอให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ได้ก้าวเดินต่อไปบนหนทาง ด้วยความเชื่อมั่นว่า เราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและเรามีอาจารย์ตุลเป็นตัวอย่าง อาจารย์ตุลจะยังคงเป็นผู้ที่ถักทอสายใยแห่งความผูกพันในสังฆะ และเป็นแสงสว่างกลางใจของพวกเราทุกคนตลอดไป

สถาบันวัชรสิทธา ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ทดลองทางการศึกษา บนพื้นฐานของการภาวนา การใคร่ครวญด้วยใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเป็นมนุษย์ระหว่างผู้เรียน